“The road the righteous travel is like the sunrise, getting brighter and brighter until daylight has come. The road of the wicked, however, is dark as night. They fall, but cannot see what they have stumbled over.” Proverbs 4:18-19
ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่น (The Corruption Perceptions Index) ของประเทศ เป็นหน่วยวัดความน่าเชื่อถือของหน่วยงานภาครัฐ (Public sector) ว่ามีความโปร่งใสในการบริหารราชการอยู่ในระดับไหน โดยให้คะแนนความน่าเชื่อถือในเรื่องความโปร่งใสของหน่วยงานราชการในประเทศนั้น ตั้งแต่ 0 คะแนนไปจนถึง 10 คะแนน ประเทศที่ได้คะแนน 10 แสดงว่าประเทศนั้นมีความใสสะอาดมาก ไม่มีการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการ ประเทศที่ได้คะแนน 0 แสดงว่าประเทศนั้นมีการคอร์รัปชั่นมากในหน่วยงานราชการ ประเทศที่ได้คะแนนตั้งแต่ 5 คะแนน ขึ้นไปจนถึง 10 คะแนนเป็นประเทศที่มีความโปร่งใสในการบริหารราชการ ไม่ค่อยมีการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการ ส่วนประเทศที่ได้คะแนนต่ำกว่า 5 คะแนน แสดงว่ายังเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นค่อนข้างมากในหน่วยงานราชการ
การจัดอันดับตำแหน่งความโปร่งใสของประเทศในเรื่องการคอร์รัปชั่นของหน่วยงานราชการ โดยใช้คะแนน 0 ถึง 10 คะแนนนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของผู้บริหารประเทศนั้นๆที่นำรัฐบาลที่เขาเป็นผู้นำให้มีความเข้มแข็งในการบริหารประเทศด้วยความโปร่งใสมากน้อยเพียงใด ในการขจัดการคอร์รัปชั่นโกงกินในหน่วยงานราชการ และสะท้อนให้เห็นถึงกลไกทางสังคมของประเทศนั้นๆด้วยเช่นกันในเรื่องความเข้มแข็งของภาคประชาชนในการต่อต้านการคอร์รัปชั่นโกงกินของหน่วยงานราชการในประเทศนั้น
การให้คะแนนเพื่อทำดรรชนีชี้วัดภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นของประเทศต่างๆทั่วโลกนี้ นำมาจากการทำสำรวจของหน่วยงานอิสระที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ โดยทำการสำรวจความคิดเห็นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นของหน่วยงานรัฐบาลเช่น การเรียกเงินใต้โต๊ะในการขออนุญาตดำเนินการต่างๆในหน่วยงานราชการ การขอเงินเปอร์เซ็นต์ในการจัดซื้อจัดจ้าง และความฉ้อฉลต่างๆในการใช้จ่ายเงินในโครงการต่างๆของรัฐบาลในประเทศที่ทำการสำรวจวิจัย
ปัญหาเรื่องการคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่ประชาชนในหลายประเทศในหลายภูมิภาคกำลังลุกขึ้นมาต่อต้าน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนจากการคอร์รัปชั่นของหน่วยงานราชการ เนื่องจากเงินคอร์รัปชั่น คือเงินของประชาชนชนผู้เสียภาษีซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ แต่กลับถูกคนกลุ่มน้อยที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการและนักธุรกิจบางคน เบียดบังฉ้อฉลปล้นเงียบเอาไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ทำให้การพัฒนาประเทศล่าช้าเพราะเงินงบประมาณในการพัฒนาประเทศถูกคอร์รัปชั่นโกงกินไป จึงทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลง และประเทศมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศด้อยพัฒนา และประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก
การแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชั่นต้องมาจากความเข้มแข็งของประชาชนในการแสดงออกถึงการไม่ยอมรับให้มีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นการจ่ายค่าปรับจากการทำผิดกฎการจราจรให้ตำรวจ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆระดับชาติเช่นการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ในหน่วยงานราชการทุกระดับ ตั้งแต่องค์การบริหารส่วนตำบล จนถึงกรม กอง ในกระทรวงต่างๆ ประชาชนต้องร่วมมือกันผลักดันการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการ ให้มีกลไกการบริหารราชการที่โปร่งใส (Transparency) สามารถเชื่อถือไว้ใจได้ (Accountability) ให้มีการบังคับใช้กฎหมาย (Law enforcement) ที่มีประสิทธิภาพ และให้มีความเป็นอิสระของกระบวนการยุติธรรม (Judiciary independence)
ต่อไปนี้คืออันดับและคะแนนความโปร่งใสจากการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการของประเทศต่างๆที่องค์กร The Transparency International สำรวจจาก 183 ประเทศ ในปี 2011 ขอเลือกเพียงบางประเทศมานำเสนอ เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบ
Rank
|
Country
|
Score
|
1
|
New Zealand
|
9.5
|
2
|
Denmark
|
9.4
|
2
|
Finland
|
9.4
|
4
|
Sweden
|
9.3
|
5
|
Singapore
|
9.2
|
6
|
Norway
|
9.0
|
7
|
Netherlands
|
8.9
|
8
|
Australia
|
8.8
|
8
|
Switzerland
|
8.8
|
10
|
Canada
|
8.7
|
12
|
Hong Kong
|
8.4
|
14
|
Japan
|
8.0
|
32
|
Taiwan
|
6.1
|
43
|
Korea
|
5.4
|
44
|
Brunei
|
5.2
|
60
|
Malaysia
|
4.3
|
75
|
China
|
3.6
|
80
|
Thailand
|
3.4
|
86
|
Sri Lanka
|
3.3
|
90
|
India
|
3.1
|
100
|
Indonesia
|
3.0
|
112
|
Vietnam
|
2.9
|
129
|
Philippines
|
2.6
|
154
|
Laos
|
2.2
|
164
|
Cambodia
|
2.1
|
180
|
Myanmar
|
1.5
|
จากตารางข้างต้น เป็นที่น่ายินดีที่ประเทศนิวซีแลนด์ มีคะแนนเป็นอันดับ 1 ติดตามด้วยประเทศ เดนมาร์ค ฟินแลนด์ สวีเดน สิงคโปร์ นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ และ แคนนาดา เป็น 10 อันดับแรกของประเทศที่มีความโปร่งใสมากๆไม่มีการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการ และประเทศสิงคโปร์ (อีกแล้ว) เป็นเพียงประเทศเดียวของกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ติดอันดับประเทศที่มีความโปร่งใส ไร้การคอร์รัปชั่น ใน 10 อันดับแรกของโลก
ประเทศอื่นๆในเอเชีย มี ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และ บรูไน ที่มีคะแนนเกิน 5 คะแนน ส่วนประเทศอื่นๆในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ล้วนอยู่ในกลุ่มคะแนนต่ำ 5 ทั้งสิ้น โดยมี ประเทศมาเลเซีย ได้คะแนน 4.3 อยู่ในอันดับที่ 44 ประเทศไทย ได้คะแนน 3.4 อยู่ในอันดับ 80 อินโดนีเซีย ได้คะแนน 3.0 อยู่อันดับ 100 เวียดนาม ได้ 2.9 คะแนน อยู่อันดับที่ 112 ฟิลิปปินส์ ได้คะแนน 2.6 อยู่อันดับที่ 129 ลาว ได้คะแนน 2.2 อยู่อันดับที่ 154 กัมพูชา ได้คะแนน 2.1 อยู่อันดับที่ 164 และ พม่า ได้1.5 คะแนน รั้งท้ายอยู่อันดับที่ 180
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงในการรวมกันเข้าเป็นตลาดเดียวกันและเป็นฐานผลิตเดียวกัน (Single market and single production base) เพื่อดึงดูดการลงทุนจากภูมิภาคอื่นให้เข้ามาลงทุนในประเทศกลุ่ม AEC เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีการค้าโลก แต่เมื่อมาดูข้อเท็จจริงในเรื่องความโปร่งใสของหน่วยงานราชการในประเทศของกลุ่ม AEC แล้ว มีเพียงประเทศสิงคโปร์ ประเทศเดียวที่ทิ้งห่างประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC ไปยืนโดดเดี่ยวอยู่อันดับที่ 5 มีคะแนนถึง 9.2 คะแนน ประเทศบรูไนเป็นประเทศที่สองของกลุ่ม AEC ที่มีคะแนนเกิน 5 คะแนน ประเทศที่เหลือของกลุ่ม AEC อีก 8 ประเทศ ล้วนมีคะแนนความโปร่งใสในการบริหารราชการ ต่ำกว่า 5 คะแนนทั้งสิ้น แล้วอย่างนี้ นักลงทุนฝรั่งจะกล้าขนเงินเข้ามาลงทุนมากมายมหาศาลอย่างที่ฝันไว้หรือ เมื่อเห็นอันดับและคะแนนอันโดดเด่นในการคอร์รัปชั่นของประเทศกลุ่ม AEC
ต้องยอมรับความจริงว่าในกลุ่มประเทศ AEC ด้วยกัน ประเทศสิงคโปร์ และ ประเทศมาเลเซีย แซงหน้าประเทศไทย ไปแล้วเกือบทุกด้าน แม้แต่ในเรื่องความโปร่งใสในการบริหารราชการ ผู้นำประเทศสิงคโปร์ มีความสามารถขจัดการคอร์รัปชั่นในระบบราชการได้ดีเยี่ยมมาหลายสิบปีแล้ว ผู้นำประเทศมาเลเซียกำลังพยายามทำตามหลังประเทศสิงคโปร์ และสามารถนำห่างประเทศไทยไปพอสมควร
ที่จริงแล้วความสามารถของนักธุรกิจไทย และความสามารถของคนไทย ไม่ได้ด้อยกว่าคนสิงคโปร์ และคนมาเลเซีย แต่ที่ประเทศไทยต้องกลายเป็นประเทศที่ตามหลังประเทศสิงคโปร์ และ ประเทศมาเลเซีย เป็นเพราะความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการของประเทศไทย ที่ผู้นำประเทศหลายคนใช้ภาษาโกหกสีขาว (White lies) ในการบริหารประเทศ จนการคอร์รัปชั่นแพร่ระบาดไปทุกระดับทั่วประเทศ
Jonathan Swift กล่าวว่า “Politics, as the word is commonly understood, are nothing but corruptions” การเมือง (คำที่เข้าใจกันโดยทั่วไปแล้ว) คือไม่ใช่สิ่งอื่นใดเลย นอกจากการคอร์รัปชั่น
ขอปิดท้ายด้วยความหมายของการคอร์รัปชั่นจาก Transparency International
“Corruption is the abuse of entrusted power for private gain. It hurts everyone who depends on the integrity of people in a position of authority.”
การคอร์รัปชั่น คือการล่วงละเมิดอำนาจความไว้วางใจที่ได้รับเพื่อประโยชน์ส่วนตน มันทำร้ายทุกคนที่ต้องพึ่งอาศัยคุณธรรมความสัตย์ซื่อของคนที่อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ
คุณธรรมความสัตย์ซื่อ (Integrity) คือความถูกต้องทางศีลธรรม (Moral uprightness) ที่นำให้คนมีความซื่อสัตย์สุจริต (Honesty) ในการปฏิบัติต่อตนเองและปฏิบัติต่อผู้อื่น เมื่อเรามีคุณธรรมความสัตย์ซื่อห่อหุ้มจิตใจของเราแล้ว เราจะมีความมั่นคงปลอดภัยในจิตใจ ทำให้ชีวิตมีสันติสุข
Proverbs 10:9 กล่าวว่า “Honest people are safe and secure, but the dishonest will be caught.” คนที่มีความซื่อสัตย์อยู่อย่างปลอดภัยและมั่นคง แต่คนที่ไม่ซื่อสัตย์ จะถูกจับได้ ในที่สุด
อยากบอกผู้นำทั้งหลายให้รู้จักคุณธรรมความสัตย์ซื่อกันบ้างL
สังคมโลกกำลังเผชิญภัยคุกคามหลายอย่าง คอร์รัปชันเป็นภัยคุกคามตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคล จนถึงประเทศ ประชาคมโลก ประวัติศาสตร์หรือข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ชี้ชัดให้เห็นถึงโทษ ภัยคุกคามนี้ที่บิดเบือนการปกครองให้ประโยชน์ตกแก่ผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่กลุ่ม ไม่กี่คน ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้แบกรับภาระเพื่อประโยชน์ของคนส่วนน้อย
ตอบลบhttp://www.positive4thailand.com/2013/07/international-community-130721.html