วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Thailand 4.0 ตอนที่ 3


"A sensible man gathers the crops when they are ready; it is a disgrace to sleep through the time of harvest"  Proverbs 10: 5

อ่าน Thailand 4.0 ที่ผมได้นำเสนอไปแล้วสองตอนคงพอทำให้เห็นภาพอนาคตของประเทศไทย ที่คนไทยจำเป็นต้องดิ้นรนผลักดันให้ไปให้ถึง เพราะเราไม่สามารถดำเนินชีวิตแบบไทยๆอย่างนี้ไปได้เรื่อยๆ เนื่องจากปัจจัยความได้เปรียบภายในประเทศลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ ในขณะที่ปัจจัยต่างๆภายนอกประเทศเรื่องความสามารถในการแข่งขันมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในการแข่งขันลงเรื่อยๆเช่นกัน เหมือนกับเรายังคงเก่งอยู่เท่าเดิมแต่คนอื่นๆเขาพัฒนาเก่งขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราไม่พยายามขยับตัวเองให้เก่งขึ้นอีก ต่อไปไม่นานคนอื่นก็เก่งกว่าเราแซงหน้าเราไป ซึ่งถ้าเรายอมปล่อยให้ไปถึงจุดนั้น ประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ลำบากมากขึ้นในการแข่งขัน ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ ต้องรีบทำการเปลี่ยนแปลงในเวลานี้เพื่อนำ ประเทศไทยให้อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการแข่งขันให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพราะทุกประเทศต่างขยับตัวเปลี่ยนแปลงก้าวเดินไปข้างหน้า

เป้าหมายสูงสุด (The Ultimate Goal) ของ Thailand 4.0 คือการยกระดับประเทศไทยจากประเทศกำลังพัฒนาซึ่งประชาชนมีรายได้ไม่มาก ที่รัฐบาลบอกว่าเป็นกับดับรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วที่ประชาชนมีรายได้มาก เป็นประเทศที่มีรายได้สูง (High Income Country) โดยคาดหวังว่าช่องว่างความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนจะแคบลงจนกลายเป็นสังคมที่ประชาชนเกือบทุกคนถูกรวมอยู่ด้วยกัน (Inclusive Society) ไม่ถูกทอดทิ้งให้เป็นคนยากจนมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างอยากลำบาก ไม่ถูกทอดทิ้งให้เป็นคนชายขอบหรือคนนอกชายขอบอีกต่อไป เพราะคนไทยเกือบทุกคนมีความรู้ความสามารถสูง เก่งการทำมาหากินจนมีรายได้สูง ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สังคมไทยในยุคสมัยThailand 4.0 จะเป็นสังคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพราะประชาชนสามารถดูแลตัวเองได้ ลดการพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐบาลลง ประชาชนอยู่ในสังคมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต มีความรู้ก้าวหน้า มีเทคโนโลยี มีนวัตกรรม ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยที่ต่อไปจะต้องเน้นหนักไปทางสร้างและขายนวัตกรรม (Innovation Driven Economy) มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง คนไทยแม้จะมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ หลากหลายความเชื่อ หลากหลายวัฒนธรรมประเพณี แต่อยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งได้อย่างมีสันติสุข (Unity In Diversity) 

คงไม่มีคนไทยคนใดคัดค้านการทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าเป็นประเทศมีรายได้สูงและประชาชนมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายมากขึ้น เป็นสังคมที่ประชาชนมีความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสังคมน้อยลงดังที่ได้พรรณามาข้างต้น แต่การจะทำให้ Thailand 4.0 เป็นจริงได้นั้น ต้องมีรัฐบาลที่ทุ่มเทมุ่งมั่นอย่างจริงใจและจริงจัง คือข้าราชการทุกกระทรวง กรม กอง ซึ่งเป็นผู้กำหนด นโยบาย สร้างยุทธศาสตร์ ทำโครงการต่างๆ โดยมีงบประมาณประเทศสนับสนุน ต้องตั้งใจทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อผลักดันให้ทุกนโยบาย ทุกยุทธศาสตร์ ทุกโครงการเดินหน้าและสำเร็จอย่างมีคุณภาพ โดยมีภาคเอกชนคือ บริษัทธุรกิจทุกระดับ ทุกขนาด ทุกประเภท เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจด้วยการลงทุนพัฒนาธุรกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ และประชาชนทั่วไปเป็นผู้ร่วมให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ ทั้งสามภาคส่วนต้องมีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน มีความเข้าใจเหมือนกัน มีจุดหมาย มีความต้องการตรงกัน และมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ Thailand 4.0 บรรลุความเป็นจริงตามเป้าหมาย

กรอบความคิดของ Thailand 4.0 คาดหวังว่าเมื่อเศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้นจนเป็นประเทศร่ำรวยแล้ว ประชาชนคนไทยจะมีความรู้ ประเทศจะมีขีดความความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น เป็นประเทศมีนวัตกรรม มีผลิตภาพที่มีคุณค่าสูงขึ้น ประเทศมีรายได้มากขึ้น ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เมื่อประเทศมีความมั่งคั่งดีขึ้นแล้วประชาชนจะมีความเข้มแข็งทางการเมืองทำให้เรามีรัฐบาลที่ดี มีการปกครองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People Centric Governance) 

นั่นคือความคาดหวังของThailand 4.0 บนพื้นฐานโครงสร้างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ แต่ในความเข้าใจของผม ความสำเร็จทางเศรษฐกิจไม่สามารถสร้างความสุขสงบในสังคมได้ถ้าขาดการพัฒนา มิติทางจริยธรรม Thailand 4.0 ไม่มีความชัดเจนในมิติเรื่องการสร้างคนดีมีจริยธรรม มีคุณธรรม เพราะแม้คนไทยมีความรู้ มีความสามารถ มีเทคโนโลยี มีรายได้มากขึ้น มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ไม่ได้เป็นเครื่องประกันว่าสังคมจะมีสันติสุข จะไม่มีคนโกง ไม่มีการคอร์รัปชั่น ไม่มีการค้ายาบ้า ไม่มีการฆ่าข่มขืน ไม่มีคนเอาเปรียบคนอื่น ไม่มีคนทำร้ายกันตามท้องถนน ผมเชื่อว่าถ้าคนในสังคมยังขาดการเติมเต็มทางจริยธรรม ยังมีความพร่องทางคุณธรรม ยังไม่มีความรัก ความเอื้ออาทรต่อกัน ยังไม่รักเพื่อนบ้าน ยังไม่รักสังคม ยังไม่รักประเทศชาติ แม้ประเทศจะพัฒนาทางเศรษฐกิจแล้ว แต่ถ้ายังไม่มีการพ้ฒนาทางจริยธรรม สังคมจะยังไม่มีสันติสุข ซึ่งเราสามารถเห็นได้จากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศพัฒนาทางเศรษฐกิจแล้วอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศในยุโรป ที่แม้จะเป็นประเทศร่ำรวยแล้ว ประชาชนมีความรู้ความสามารถสูงแล้ว แต่สังคมก็ยังไม่มีสันติสุข ประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันมีจำนวนคนไร้บ้าน (Homeless) ที่หน่วยงานรัฐบาลประกาศอย่างเป็นทางการแล้วมากกว่า 500,000 คนที่ไร้ญาติพี่น้องช่วยเหลือดูแล ต้องอาศัยอยู่ตามมุมมืดในซอกตึกและสวนสาธารณะ แต่ตัวเลขจริงนั้นมีมากกว่าล้านคนที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนตามถนน และมีคนไร้โบสถ์ (Churchless) อีกจำนวนหลายสิบล้านคน คือคนที่ไร้ศาสนา ไม่มีความเชื่อทางศาสนา ทำให้ชีวิตขาดการบ่มเพาะขัดเกลาทางคุณธรรมศีลธรรมของศาสนา ชีวิตจึงไร้ความสุขและทำให้ สังคมไร้ความสันติสุข สังคมไม่มีความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ครูและนักเรียนถูกไล่ยิงฆ่าตายในโรงเรียน คนไปเดินซื้อของในศูนย์การค้าถูกไล่ยิงฆ่าตาย คนไปวิ่งการกุศลถูกระเบิดบาดเจ็บล้มตาย และมีเหตุการณ์ความไม่สงบสุขต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นประจำวันในสังคม




ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าทุกอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในอดีตเช่น อียิปต์ บาบิโลน เปอร์เซีย และ โรมัน ล้วนมีความเจริญเติบโตสูงสุดทางเศรษฐกิจ เป็นอาณาจักรมั่งคั่งร่ำรวย มีความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีสูงตามยุคสมัยนั้น แต่ทุกอาณาจักรล้วนต้องล่มสลายลงเพราะ ปัญหาผลพวงที่เกิดตามมาจากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ คือความเสื่อมทางศีลธรรมและคุณค่า (Morals and values) ในสังคม เป็นปัจจัยหลักของความเสื่อมที่นำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่นความแตกสลายของสถาบันครอบครัว การเกิดโรคระบาดจากความเสื่อมของสิ่งแวดล้อม เมื่อความต้องการทางเศรษฐกิจนำไปสู่การทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ ตัดต้นไม้ ขุดหินจากภูเขามาสร้างเมือง เกิดการทุจริตคอรัปชั่นทางการเมือง การไม่ทำหน้าที่อย่างสัตย์ซื่อของข้าราชการ และมีการใช้จ่ายเกินตัวเพื่อรักษาสถานะความมั่งคั่งของอาณาจักร นำไปสู่ปัญหาทางการเงินและตามมาสู่ความวุ่นวายทางการ เมืองและสังคม จนในที่สุดอาณาจักรที่มั่งคั่งทางเศรษฐกิจต้องล่มสลายลง

ความหวังของผมคืออยากเห็นความสมดุลย์ของ Thailand 4.0 คือมีการพัฒนาในทุกมิติที่ห่อหุ้มชีวิตประชาชน คือ เศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุข ความรู้ เทคโนโลยี สังคม ศาสนาศีลธรรมจริยธรรม อนุรักษ์ธรรมชาติ รักษาสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานอย่างมีสติ เพื่อความยั่งยืนของของสังคมไทย

ผมอยากเห็นสังคมไทยที่มีความรัก มีความอบอุ่นรู้จักแบ่งปันกัน มีอากาศที่สะอาดสามารถหายใจได้อย่างเต็มปอด มีน้ำในแม่น้ำลำคลองที่ใสสะอาด มีป่าไม้เขียวขจี มีต้นไม้เต็มภูเขา มีสัตว์ป่าอาศัย อยู่อย่างเป็นธรรมชาติ มีสังคมที่ระเบียบวินัย เคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน ประชาชนมีความเข้าใจ และทำหน้าที่พลเมืองดีของสังคม เพราะประชาชนมีความเข้มแข็งทางจริยธรรม มีศีลธรรม มีคุณธรรม ให้ศาสนามีส่วนในการบ่มเพาะขัดเกลาจิตใจของประชาชน เกิดภาวะวิสัยปกติใหม่ (New Normal) ที่มีความสมดุลย์ทางชีวิตทั้งทางร่างกาย อารมณ์จิตใจ และจิตวิญญาณ 

Immanuel Kant กล่าวว่า "In law a man is guilty when he violates the rights of others. In ethics he is guilty if he only thinks of doing so." ในทางกฎหมายคนทำความผิดเมื่อได้ทำการ ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ในทางจริยธรรมคนทำความผิดเมื่อเพียงแค่ถ้าเขาได้คิดทำการละเมิดผู้อื่น

Thomas A. Edison กล่าวว่า "Non-violence leads to the highest ethics, which is the goal of all evolution. Until we stop harming all other living beings, we are still savages." การไม่ทำการรุนแรงนำไปสู่การมีจริยธรรมสูงสุด ซึ่งเป็นเป้าประสงค์ของการวิวัฒนาการ เรายังคงป่าเถื่อน จนกว่าเมื่อเรายุติการทำร้ายสิ่งมีชีวิตทั้งมวล

Stephen Covey กล่าวว่า "Moral authority comes from following universal and timeless principles like honesty, integrity, treating people with respect." อำนาจของจริยธรรมมาจาก การทำตามหลักการสากลที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา คือ ความสัตย์ซื่อ ความเชื่อวางใจได้ การปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ

ขอให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความรักให้แก่กันนะครับ

สุขสันต์วันแห่งความรัก Happy Valentine ครับ