วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ฟังเป็น


Don’t follow the ways of the wicked; don’t do what evil people do.
Avoid their ways, and don’t follow them. Stay away from them and keep on going.” 
Proverbs 4:14-15

William J.H.Boetcker กล่าวว่า “That you may remain your self- respect, it is better to displease the people by doing what you know is right, than to tempolarily please them by doing what you know is wrong” ถ้าท่านต้องการรักษาความเคารพตนเองไว้ การขัดใจคนด้วยการทำในสิ่งที่คุณรู้ว่าถูกต้องดีกว่าการตามใจคนอย่างชั่วคราวด้วยการทำในที่คุณรู้อยู่แล้วว่าผิด 


 การรู้จักเคารพตนเองเป็นประถมจริยธรรมที่อยู่ในจิตใจมนุษย์ที่พระเจ้าให้ไว้เพื่อให้มนุษย์มีการชั่งใจและยับยั้งความคิดที่ไม่ดี เป็นกรอบการควบคุมการคิดและการกระทำเพื่อไม่ให้มนุษย์ทำร้ายทำลายตนเองและผู้อื่นด้วยการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ สัตว์โลก และธรรมชาติสิ่งแวดล้อม 


พระเจ้าสร้างการรู้จักผิดชอบชั่วดีให้มีอยู่เฉพาะในจิตใจของมนุษย์เท่านั้นเพื่อให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ ในสัตว์มีเฉพาะสัญชาตญาณ(Instinct)การเอาตัวรอด แต่มนุษย์มีทั้งสัญชาตญาณการเอาตัวรอดและการรู้จักผิดชอบชั่วดี ดังนั้นมนุษย์จึงมีทั้งความกลัวเกรงและความกล้าหาญอยู่ด้วยกัน สัญชาตญาณทำให้มนุษย์รู้จักหลีกหนีจากสิ่งที่เป็นอันตราย การรู้จักผิดชอบชั่วดีทำให้มนุษย์รู้จักกลัวเกรงไม่กล้าทำบาปทำชั่ว รู้สึกไม่สบายใจในการทำสิ่งที่รู้อยู่ว่าเป็นสิ่งที่ผิด เป็นสิ่งที่ไม่ดี ทำแล้วจะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นและตนเอง และทำให้มนุษย์มีความกล้าในการทำความดี ทำความถูกต้อง ทำสิ่งที่สร้างความสงบสุขให้แก่ผู้อื่นซึ่งนำความสุขใจมาให้แก่ตนเองด้วย


ถึงอย่างไรก็ตามมนุษย์ก็ยังไม่มีความสมบูรณ์(Perfect) ยังมีโอกาสที่จะทำสิ่งชั่วร้ายเสมอเมื่อระดับจริยธรรมในจิตใจพร่อง ทำให้ขาดการยับยั้งชั่งใจและทำสิ่งที่ไม่ควรทำ เป็นจุดอ่อนในชีวิตมนุษย์ที่จะทำให้ชีวิตไม่มีสันติสุขในใจ(Peace in mind) เพราะระดับตัณหา(Ego)ในตัวท่วมท้นความคิดและมีอำนาจควบคุมการกระทำของมนุษย์ ทำให้มนุษย์ตกเป็นทาสรับใช้สิ่งชั่วที่บงการจิตใจและการกระทำ ซึ่งทำให้ชีวิตไร้ความสุขที่แท้จริง เพราะสิ่งที่ได้รับเป็นเพียงความพึงพอใจชั่วคราวที่เป็นความสุขเทียม ดังนั้นแม้ว่าเขาอาจจะมีอำนาจและทรัพย์สินเงินทองมากมายตอบสนองตัณหาแต่จิตใจของเขาไม่มีความสงบสุขเพราะตัณหายังควบคุมและบงการให้เขาทำสิ่งชั่วต่อไป เราจึงได้รับความทุกข์และความไม่สบายใจซึ่งเป็นผลจากการกระทำของตนเองและเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


การรู้จักเคารพตนเองเป็นชัยชนะแห่งการมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะเป็นพื้นฐานไปสู่ความถ่อมใจและความกล้าหาญในการเสียสละ ทำให้สามารถเป็นผู้นำผู้รับใช้ที่ดีได้ การรู้จักเคารพตนเองเป็นพื้นฐานของการมีหลักการชีวิต(Principle)ในการทำงานและดำเนินชีวิต เป็นพื้นฐานของการถ่อมตน(Humility)รู้จักเคารพผู้อื่น และเป็นพื้นฐานของการเสียสละ(Sacrifice)เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น


การรู้จักเคารพตนเองนำไปสู่การรู้จักเคารพผู้อื่น การเคารพผู้อื่นคือการฟังความคิดและความต้องการของผู้อื่น ไม่ปล่อยให้ความคิดและความต้องการของตนเองอยู่เหนือความคิดและความต้องการของผู้อื่น เป็นคุณสมบัติสำคัญในการเป็นผู้นำผู้รับใช้ การรู้จักฟังทำให้ผู้นำผู้รับใช้ประสบความสำเร็จในการนำเพราะทำให้เขาเข้าถึงปัญหาและความต้องการของผู้อื่นได้อย่างถูกต้องซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการนำ เพราะทำให้ผู้นำผู้รับใช้มีโอกาสตอบสนองการรับใช้ของเขาได้อย่างถูกต้อง น่าเสียดายที่ผู้นำหลายคนแม้มีความรู้ ความคิดและความสามารถที่ดีมาก แต่ฟังผู้อื่นไม่เป็น 
ทำให้การนำของเขาล้มเหลว

การฟังที่ดี (Good listening) ทำให้ผู้นำผู้รับใช้ได้ประโยชน์จาก


  • การได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นทำให้ไม่เกิดความสับสน(Confusion)และไม่เกิดความเข้าใจผิด (Misunderstanding)ในปัญหาและความต้องการของผู้พูด ทำให้เห็นภาพปัญหาและความต้องการของผู้พูดอย่างชัดเจน
  • การประหยัดเวลา(Save time) เมื่อผู้นำผู้รับใช้ได้ฟังอย่างตั้งใจแล้วจะไม่เสียเวลาในภายหลัง เพราะไม่ต้องกลับมาถามใหม่ ทำให้ไม่เกิดความผิดพลาดไปตอบสนองในสิ่งที่ไม่ใช่ปัญหาและความต้องการที่แท้จริง ทำให้แก้ไขปัญหาถูกจุดไม่ต้องเสียเวลากลับมาแก้ไขใหม่
  • การทำให้ขวัญ(Morale)ของผู้พูดดีขึ้น เพราะการที่ผู้นำผู้รับใช้ตั้งใจฟังความคิดและความต้องการของผู้พูดทำให้เขารู้สึกดี รู้สึกมีคุณค่าที่มีผู้ให้ความสนใจรับฟังความคิด ปัญหาและความต้องการที่เขาต้องการจะบอก เป็นการให้กำลังใจ(Encouragement)แก่ผู้พูดว่ามีผู้สนใจให้ความช่วยเหลือ
  • การเข้าถึงความคิดหลัก(Main idea)ของผู้พูด ทำให้ผู้นำผู้รับใช้รู้สถานะความคิดของผู้พูดว่ามีความชัดเจนในความคิดหลักของเรื่องที่เขาพูดมากน้อยเพียงไร เป็นโอกาสให้ผู้นำผู้รับใช้กระตุ้นให้ผู้พูดได้ทบทวนความคิด ปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของผู้พูดเอง
  • การเข้าถึงวัตถุประสงค์(Objective)ของผู้พูดว่ามีจุดมุ่งหมาย มีความประสงค์อะไร ทำให้ผู้นำผู้รับใช้ รู้ชัดเจนว่าจะต้องตอบสนองความประสงค์ของผู้พูดอย่างไร
  • การเข้าถึงทัศนคติ(Attitude)ของผู้พูด ทำให้ผู้นำผู้รับใช้รู้ว่าผู้พูดมีทัศนคติในแง่ดีหรือไม่ดี เป็นโอกาสของผู้นำผู้รับใช้ในการเข้าใจถึงส่วนลึกของความคิดและความรู้สึกของผู้พูด และเป็นโอกาสที่ผู้นำผู้รับใช้จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้พูดเพื่อปรับทัศนคติให้ถูกต้อง
  • การแสดงความเห็นอกเห็นใจ(Empathy)ต่อผู้พูด การรับฟังทำให้ผู้พูดรู้สึกผ่อนคลายความอึดอัด ความกังวล หรือความทุกข์ใจที่เขามีอยู่ในขณะนั้น การมีความเห็นอกเห็นใจแตกต่างจากการยอมรับ(Acceptance) เพราะการยอมรับหมายถึงการรับในสิ่งที่ให้(Receive what is offered) แต่การเห็นอกเห็นใจคือการนำความรู้สึกของตนเองไปใส่ในความรู้สึกของผู้อื่น

การรู้จักฟังจึงเป็นพื้นฐานนำไปสู่การเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนั้นผู้นำผู้รับใช้จึงต้องตรวจสอบตนเองเสมอว่าได้ตั้งใจฟังดีแล้วหรือยังในการตอบสนองความคิดและความต้องการของผู้ที่เรารับใช้ เพราะการรับใช้ที่ดีเริ่มต้นจากการฟังที่ดี

Bryant H. McGill กล่าวว่า “One of the most sincere form of respect is actually listening to what another has to say.”รูปแบบหนึ่งของการแสดงความเคารพผู้อื่นอย่างจริงใจคือการฟังสิ่งที่ผู้อื่นต้องพูด


James Cash Penney กล่าวว่า “The art of effective listening is essential to clear communication, and clear communication is necessary to management success.” ศิลปะในการฟังอย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้การสื่อสารชัดเจน และการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการจัดการ


ส่วนหนึ่งของปัญหาในสังคมไทยปัจจุบันเกิดจากการพูดมากว่าการฟัง คุณว่าจริงไหม?


วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ผู้นำของประชาชน




“Love wisdom, and she will make you great. Embrace her, and she will bring you honor.”                                     Proverbs 4:8

 

Learning gives creativity.

 Creativity leads to thinking.

Thinking provides knowledge.

 Knowledge makes you great.”

การเรียนรู้ทำให้มีความคิดสร้างสรร

ความคิดสร้างสรรนำไปสู่การคิด

การคิดสร้างความรู้

ความรู้ทำให้คุณยิ่งใหญ่

เป็นบทกลอนหรือคำกล่าวของท่าน Dr. APJ Abdul Kalam อดีตประธานาธิบดี ของประเทศอินเดีย ที่ถึงแก่อสัญกรรมด้วยอาการหัวใจล้มเหลวอย่างเฉียบพลันเมื่อวันที่ 21 กรกฏาคม 2015 ขณะทำการบรรยายพิเศษเรื่อง "Creating a Livable Planet Earth" ที่สถาบันการแห่งจัดการ Indian Institute of Management Shillong  ท่าน Dr. APJ Abdul Kalam เป็นประธานาธิบดีอินเดียที่ไม่มีพื้นฐานและประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อนการได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี แต่มีพื้นฐานความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การทำงานทางด้าน วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมอวกาศยาน (Aerospace engineering) และเป็นผู้นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมาทำการพัฒนาขีปนาวุธนำวิถีให้กองทัพอินเดียมีความเข้มแข็งและมีศักยภาพสูงในการป้องกันประเทศทำให้ท่าได้รับการขนานนามจากประชาชนอินเดียว่าเป็น มนุษย์ขีปนาวุธของอินเดีย  (India’s Missile Man) ความโดดเด่นในเรื่องความรู้ทางวิศวกรรมเทคโนโลยีอวกาศจนโด่งดังเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนชาวอินเดียทำให้ผู้นำทางการเมืองและพรรคการเมืองใหญ่ของอินเดียทาบทามชักจูงท่านเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของอินเดีย และท่านก็ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 11 ของประเทศอินเดีย แต่ท่านอยู่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงสมัยเดียวโดยปฏิเสธที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งที่ 2 ทั้งๆที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมชื่นชอบและให้การยกย่องท่านว่าเป็นประธานาธิบดีของประชาชน (People’s President) การจากไปของ Dr. APJ Abdul Kalam ด้วยวัย 83 ปี นับเป็นการสูญเสียผู้นำคนสำคัญคนหนึ่งของประเทศอินเดีย
 
 
People paying tribute to APJ Abdul Kalam outside his home as the former president's body is expected to reach there from Delhi. (Vivek Nair/HT)
 

 
ผู้นำมีอยู่มากมายในทุกสังคม ประเทศต่างๆในโลกนี้ มีประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศมากกว่าร้อยคน แต่จะมีผู้นำประเทศกี่คนที่ได้รับการยกย่องจากใจประชาชนว่าเป็นผู้นำของพวกเขา

การที่ Dr. APJ Abdul Kalam ได้รับการยกย่องว่าเป็นประธานาธิบดีของประชาชนอินเดียที่มีจำนวนนับพันล้านคน ประเทศที่มีความแตกต่างทางความเชื่อศาสนาและวัฒนธรรมประเพณีของชนหลายชาติพันธุ์ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่ใช่คนดีจริงที่ประชาชนรัก เคารพ และไหว้จากจิตใจ Dr. APJ Abdul Kalam ในทัศนะของผม เป็นผู้นำผู้รับใช้ของประชาชนอินเดีย
 
 
Ordinary people for whom the former president meant the world flocked to pay tribute to APJ Abdul Kalam outside his home. (Vivek Nair/HT)
 

 
ความรู้สึกของประชาชนอินเดียที่รับรู้และสัมผัสจากความเป็นจริงของความคิด คำพูด จากจิตใจ และจากการปฏิบัติจริงของ Dr. APJ Abdul Kalam ทำให้ประชาชนได้รับประสบการณ์ตรงจากคุณลักษณะการเป็นผู้นำผู้รับใช้ในตัวท่าน เพราะการเป็นผู้นำผู้รับใช้ต้องมีคุณลักษณะที่ดีหลายประการเช่น

A sense for unknowable การหยั่งรู้ต่อสิ่งที่ยังไม่รู้

การมีความรู้สึกไวต่อสิ่งที่ไม่รู้ เป็นคุณลักษณะทางปัญญา (Intellectual ability) ที่สำคัญที่ทำให้ผู้นำผู้รับใช้ไม่หลงและทนงตนเองว่ารู้มากและรู้เหนือผู้อื่น เพราะเมื่อใดที่ผู้นำเข้าใจว่าตนเองรู้ดีกว่าผู้อื่นเขาจะไม่ยอมฟัง ไม่ยอมได้ยิน ไม่ยอมรับรู้ข้อมูลและคำแนะนำจากผู้อื่น กลายเป็นผู้นำประเภทกาแฟล้นถ้วยที่ทำความเปรอะเปื้อนให้ตนเองและผู้อื่นที่อยู่ใกล้

A sense for foresee the unforeseeable การหยั่งรู้ต่อการเห็นในสิ่งที่ยังไม่เห็น

การมีความรู้สึกไวต่อการเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในขณะที่คนอื่นยังมองไม่เห็น คือการเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ การเห็นในสิ่งที่คนอื่นยังมองไม่เห็นทำให้เกิดนิมิตที่เป็นแรงบันดาลใจอยากทำสิ่งที่เห็นตามจินตภาพในอนาคตเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของการเป็นผู้นำ เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเราไม่สามารถรอให้มีภาพจริงเกิดขึ้นแล้วถึงมาทำ เพราะนั่นหมายถึงว่า เราได้กลายเป็นผู้ตามผู้นำคนอื่นไปแล้ว

A sense of self-restraint การหยั่งรู้ต่อการรู้จักควบคุมตนเอง

คุณสมบัติสำคัญของผู้นำผู้รับใช้คือการรู้จักควบคุมตนเอง ทั้งการรับฟัง การคิด การพูด และ การกระทำ ดังนั้นผู้นำผู้รับใช้จึงต้องมีความอดทนในการรับฟังผู้อื่น มีความอดกลั้นในการไม่ตอบโต้ผู้อื่นด้วยอารมณ์ มีสติในการควบคุมการคิดของตนไม่ให้คิดไปในทางชั่วร้าย ผิดจริยธรรมและผิดศีลธรรม ไม่ยอมให้ความคิดเห็นแก่ได้เห็นแก่ตนเองอยู่เหนือการควบคุม เพราะผู้นำมักตกเป็นเหยื่อของตัณหาความอยากได้ กลายเป็นผู้ล่าความโลภ (Predator of greed) เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่สิ่งแวดล้อมยั่วเย้าความคิดด้านมืดตลอดเวลา ผู้นำผู้รับใช้ต้องมีสติในการพูดสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ต่อผู้ฟัง ไม่ใช้คำพูดเพื่อระบายอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง หรือให้ร้ายผู้อื่น และผู้นำผู้รับใช้ต้องมีความแน่วแน่ในการกระทำความถูกต้องดีงามอย่างสม่ำเสมอคงเส้นคงวาตลอดเวลาในการรับใช้ผู้อื่น

A sense of sacrifice ความหยั่งรู้ต่อการเสียสละ

ผู้นำที่ไม่เสียสละไม่ใช่ผู้นำผู้รับใช้ เขาเป็นได้เพียงผู้นำในตำแหน่งเท่านั้น ไม่ใช่ผู้นำของประชาชน การเป็นผู้นำผู้รับใช้จะมีความหมายและมีความสุขต่อเมื่อได้เสียสละตนเองเพื่อความสุขของผู้อื่น เพราะความสุขของผู้อื่นนำมาสู่ความสุขของตนเอง

A sense of compassion ความหยั่งรู้ต่อการรักผู้อื่น

ความหยั่งรู้รักผู้อื่นคือการรักผู้อื่นมากกว่าตนเอง ทำให้ผู้นำผู้รับใช้มีใจเมตตา รู้สึกถึงความทุกข์ ความเดือดร้อน ความลำบากยากเข็นของผู้อื่น ทำให้เขาไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยปล่อยให้พี่น้องที่อยู่ต่อหน้าเขาได้รับความทุกข์ร้อน ผู้นำผู้รับใช้ต้องดิ้นรนแสวงหาหนทางแก้ไขและเยียวยา บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชากรที่เขารับใช้ได้พ้นจากความทุกข์ยากลำบากทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ อย่างเร็วที่สุดที่จะทำได้

A sense of honesty ความหยั่งรู้ต่อความสัตย์ซื่อ

ผู้นำผู้รับใช้ต้องมีความไวต่อความสัตย์ซื่อในคุณธรรม หรือพระเจ้าที่เขาเชื่อพึ่ง เพราะถ้าผู้นำผู้รับใช้ไม่มีความสัตย์ซื่อต่อคุณธรรมประจำใจแล้ว เขาจะไม่สัตย์ซื่อต่อตนเองและไม่สัตย์ซื่อต่อผู้อื่น ทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่ล้มละลายในความสัตย์ซื่อ และ กลายเป็นผู้นำที่มีมลทินคอรัปชั่นอำนาจในตำแหน่ง คอรัปชั่นคุณธรรมของการเป็นผู้นำ ความเป็นผู้นำผู้รับใช้หมดสิ้นไปทันทีที่ขาดความสัตย์ซื่อ

A sense of endeavor ความหยั่งรู้ต่อความอุตสาหะ

ผู้นำผู้รับใช้รู้อยู่เต็มใจว่า การเป็นผู้นำผู้รับใช้เป็นงานยากลำบาก ต้องเผชิญกับความท้าทายตลอดเวลา ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะอย่างเต็มกำลังตลอดเวลาของการเป็นผู้นำผู้รับใช้ ดังนั้นจึงไม่แสดงออกถึงความท้อแท้ท้อถอยเมื่อเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่างๆที่ประดังเข้ามารอบด้าน เพราะการเป็นผู้นำผู้รับใช้คือการอาสาเข้ามาทำหน้าที่ตามนิมิตและแรงบันดาลใจของตนเองเพื่อรับใช้ผู้อื่น

Max de Pree กล่าวว่า The first responsibility of a leader is to define reality. The last is to say thank you. In between, the leader is a servant.” ความรับผิดชอบประการแรกของผู้นำคือการกำหนดรู้ความเป็นจริง ความรับผิดชอบสุดท้ายคือการกล่าวคำขอบคุณ ระหว่างกลางนั้นผู้นำคือผู้รับใช้

ขอปิดท้ายด้วยคำกลอนที่ Dr. APJ Abdul Kalam ชื่นชอบ

I climbed and climbed
Where is the peak, my Lord?
I ploughed and ploughed,
Where is the knowledge treasure, my Lord?
I sailed and sailed,
Where is the island of peace, my Lord?
Almighty, bless my nation
With vision and sweat resulting into happiness.”

ฉันปีนป่าย และปีนป่ายขึ้นไป

ที่แห่งใดคือจุดสูงสุด พระเจ้าข้า

ฉันขุดไถ และขุดไถลึกลงไป

ที่แห่งใดคือสมบัติมีค่าแห่งปัญญา พระเจ้าข้า

ฉันแล่นเรือ และแล่นเรือไปทั่วท้องทะเล

ที่แห่งใดคือเกาะแห่งสันติสุข พระเจ้าข้า

พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่ง โปรดอวยพระพรประเทศของข้า

ด้วยวิสัยทัศน์และการทำงานด้วยหยาดเหงื่อ

ขอให้เกิดผลแห่งความสุข

          Dr. APJ Abdul Kalam ผู้นำผู้รับใช้ของอินเดีย หลับเป็นสุขเถิด ชีวิตการรับใช้ประชาชนของท่านจะเป็นบทเรียนทรงคุณค่าของคนรุ่นต่อไป


แหล่งนำความคิด:

·        หนังสือ Servant Leadership โดย Robert K. Greenleaf

·        Hindustantimes.com