วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

ความสามารถในการแข่งขันของ ASEAN

“Trust in the LORD with all your heart. Never rely on what you think you know.
  Remember the LORD in everything you do, and He will show you the right way.
  Never let yourself think that you are wiser than you are; simply obey the LORD and refuse to do wrong.”                                           Proverbs 3:5-7
นาง Hillary Clinton รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Secretary of State) ของสหรัฐอเมริกา ได้ไปเยี่ยมสำนักงานเลขาธิการสมาคมอาเซียน (Association of South East Asian Nations) ที่นครJakarta ประเทศอินโดนีเซีย และได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการสมาคมอาเซียน โดยนาง Clinton ได้แสดงทัศนะว่าสหรัฐอเมริกามีความสนใจเรื่องการเพิ่มความแข็งแกร่งในความสามารถของอาเซียนในการนำเสนอความท้าทายของภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ (“We [the United States] have an interest in strengthening ASEAN’s ability to address regional challenges in an effective, comprehensive way.”)

            นาง Clinton ให้ความคิดเห็นว่า สมาคมอาเซียนยังมีความสามารถขั้นต่ำในการวิจัยวิเคราะห์ด้วยตนเองเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอและผู้นำขององค์กรในขณะนี้แม้มีความสามารถแต่ได้รับอำนาจเพียงเล็กน้อยไม่สามารถแข่งขันการนำกับผู้นำประเทศคนอื่นๆในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันในเวทีโลก (“headed by a figure who, although sometimes capable (as in the current case), is given minimal powers and cannot compete on the global stage with leaders from the Southeast Asian nations themselves.”)
            ขอบคุณคำวิพากษ์อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาของนาง Clinton ซึ่งเราควรรับฟังด้วยใจเปิดกว้างและหันกลับมาสำรวจตนเองอย่างไม่ลำเอียงว่าศักยภาพที่แท้จริงของ ASEAN ในขณะนี้เป็นอย่างไรก่อนที่จะก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) ที่กำลังรู้จักกันในชื่อ AEC อย่างแพร่หลายในเวลานี้
             The Global Benchmarking Network ได้นำเสนอรายงานความสามารถในการแข่งขันประจำปี (Annual Competitiveness Reports) ของประเทศทั่วโลกจำนวน 139 ประเทศ ขอนำมาเสนอเฉพาะอันดับความสามารถในการแข่งขันของบางประเทศเพื่อให้เรามองเห็นภาพความสามารถในการแข่งขันของประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในเวทีโลก
            Global Competitiveness Ranking
Rank
Country
Score(1-7)
1
Switzerland
5.7
2
Germany
5.5
3
France
5.4
4
Austria
5.4
5
Sweden
5.3
6
United States
5.3
7
United Kingdom
5.3
8
Spain
5.3
9
Canada
5.3
10
Singapore
5.2
12
Hong Kong
5.2
13
Australia
5.2
19
New Zealand
5.0
22
Japan
4.9
32
Korea
4.6
35
Malaysia
4.6
37
Taiwan
4.6
39
China
4.5
41
Thailand
4.5
62
Brunei
4.1
74
Indonesia
4.0
80
Vietnam
3.9
94
Philippines
3.7
109
Cambodia
3.4


จากตารางข้างต้น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ครองตำแหน่งประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในจำนวน 139 ประเทศทั่วโลก มีคะแนน 5.7 คะแนน จาก คะแนนเต็ม 7 ติดตามด้วยประเทศเยอรมัน ฝรั่งเศส ออสเตรีย สวีเดน สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สเปน แคนาดา และ สิงคโปร์ เป็น 10 อันดับแรก
ในกลุ่มประเทศอาเซียน สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดของกลุ่มอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก ติดตามด้วยประเทศมาเลเซีย ที่อยู่ในอันดับที่ 35 ประเทศไทยอันดับที่ 41 ประเทศบรูไน อันดับที่ 62 ประเทศอินโดนีเซียอันดับที่ 74 ประเทศเวียตนามอันดับที่ 80 ประเทศฟิลิปปินส์ อันดับที่ 94 ประเทศกัมพูชา อันดับที่ 109 ส่วนประเทศลาว และพม่า ยังไม่มีอันดับความสามารถในการแข่งขัน
สิงคโปร์ มีคะแนน 5.2 นำห่าง มาเลเซียที่มีคะแนน 4.6 ซึ่งมากกว่า ไทยที่ได้คะแนน 4.5 เพียง .1 คะแนน ประเทศอาเซียนที่เหลือมีคะแนนที่ยังอยู่ห่างจากไทยอีกมาก ไทยอยู่ในตำแหน่งกลุ่มนำของประเทศเทศอาเซียน แต่ทั้งมาเลเซียและไทย ยังต้องพัฒนาตนเองอีกมากกว่าจะตามไปใกล้สิงคโปร์
ประเทศอาเซียนมีความสำคัญขึ้นมาเมื่อรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจเนื่องจากมีจำนวนพลเมืองรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน มีรายได้รวมกันประมาณเท่ากับ 5% ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) โลก
อุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวของประเทศในกลุ่ม AEC นับว่ามีความสำคัญพอสมควรในเวลานี้เพราะ ASEAN กำลังเป็นภูมิภาคที่ทั่วโลกให้ความสนใจมาก อุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว (Travel and Tourism) ของประเทศในกลุ่ม AEC มีมูลค่าเท่ากับ 4.6% ของมูลค่า GDP รวมของประเทศใน AEC และเมื่อนับรวมมูลค่าทางอ้อม (Indirect) ที่เกิดจากธุรกิจอื่นๆที่ได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว มีมูลค่าเท่ากับ 10.9% ของ GDP รวมของประเทศใน AEC สำหรับตัวเลขการจ้างงานโดยตรงในอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวของประเทศใน AEC มีจ้างงานจำนวน 9.3 ล้านคน หรือเท่ากับ 3.2 % ของการจ้างงานโดยรวมในกลุ่มประเทศ AEC แต่เมื่อรวมธุรกิจต่อเนื่องทางอ้อมของอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวจะมีการจ้างงานรวมทั้งหมดถึง 20 ล้านคน

ตัวเลขน่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของประเทศในกลุ่ม AEC
Country
Rank
(139)
Inter
national
Tourist Arrivals
In million
Receipts
Million
US$
% of
GDP
US$
Per
Capita
GDP
Per
Capita
US$
Singapore
10
10,390
17,990
7.9
3,470.3
43,865
Malaysia
35
24,714
18,259
7.7
646.3
8,418
Thailand
41
19,098
26,256
8.2
411.0
4,992
Brunei
67
214
254
1.8
613
29,852
Indonesia
74
7,650
7,952
1.1
33.5
2,981
Vietnam
80
6,014
5,620
5.4
63.7
1,174
Philippines
94
3,917
2,783
1.7
29.6
2,123
Cambodia
109
2,882
1,683
15.0
112
753
Lao PDR
-
1,670
382
6.8
59.3
1,004
Myanmar
-
391
73
0.2
1.2
742


ประเทศมาเลเซียแซงหน้าประเทศไทยไปแล้วในเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไปประเทศมาเลเซีย โดยมาเลเซียในปี 2011 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 24 ล้านคน ในขณะที่ประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 19 ล้านคน แต่ประเทศไทยทำรายรับประมาณ 26,246 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเท่ากับ 8.2%ของ GDP ประเทศไทย มากกว่าประเทศมาเลเซียที่ทำรายรับที่ประมาณ 18,259 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเท่ากับ 7.7% ของ GDP ประเทศมาเลเซีย
ประเทศไทยและประเทศอื่นๆในกลุ่ม AEC ยังมีงานอีกมากในการแก้ไขและพัฒนาอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันในด้านอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน AEC ยังห่างชั้นจากกลุ่มประเทศในยุโรป และอเมริกาเหนืออยู่มาก
การวัดความสามารถการแข่งขันในอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว วัดจากปัจจัยหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 3 ด้านคือ
1. ปัจจัยด้านกฎหมาย (Regulatory Framework)
2.ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจ (Business Environment and Infrastructure)
3.ปัจจัยด้านทรัพยากรมนุษย์ วัฒนธรรม และธรรมชาติ (Human, Culture and Natural resources)
ภายใต้ปัจจัยหลักที่สำคัญทั้ง 3 ด้านนี้ยังมีงานด้านต่างๆที่สำคัญเป็นเสาเข็ม (Pillar) ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวอีก 14 เรื่อง ดังนี้
·      นโยบาย กฎ และระเบียบ (Policies, rules and regulations)
·      ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม (Environmental sustainability)
·      ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย (Safety and security)
·      สุขอนามัยและสุขภาพ (Health and hygiene)
·      ลำดับความสำคัญของการเดินทางและการท่องเที่ยว (Prioritization of travel and tourism)
·      โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางอากาศ (Air transport infrastructure)
·      โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งภาคพื้นดิน (Ground transport infrastructure)
·      โครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยว (Tourism infrastructure)
·      โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT infrastructure)
·      ความสามารถในการแข่งขันเรื่องราคา (Price competitiveness)
·      ทรัพยากรมนุษย์ (Human resources)
·      สิ่งดึงดูดการเดินทางและการท่องเที่ยว (Affinity for travel and tourism)
·      ทรัพยากรทางธรรมชาติ (Natural resources)
·      ทรัพยากรทางวัฒนธรรม (Cultural resources)
            จะเห็นได้ว่า การที่อุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะสามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆได้นั้น มีเรื่องที่ต้องแก้ไขและพัฒนาถึง 14 หัวข้อซึ่งภายใต้แต่ละหัวข้อยังมีปัจจัยย่อยอีกมากมายหลายเรื่อง ที่ต้องแก้ไขและพัฒนาให้ได้มาตรฐานเพื่อสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้
            ถ้าประเทศไทยจะแข่งขันในเรื่องอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวกับนานาชาติ จะต้องให้ความสนใจเรื่องปัจจัยต่างๆที่เป็นมาตรฐานซึ่งใช้เป็นปัจจัยชี้วัดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะว่าไปแล้วทั้ง 14 ปัจจัยที่เป็นเสาเข็มหลักของอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวข้างต้นของประเทศไทย ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขและพัฒนาในทุกปัจจัยและยังไม่ได้นำปัจจัยทั้งหมดนี้ขึ้นมาเป็นวาระของชาติในการแก้ไขและพัฒนาปัจจัยสำคัญเหล่านี้ให้ได้มาตรฐาน เพื่อประเทศไทยจะสามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวทั้งในเวทีภูมิภาคและในเวทีโลก
            หลี่ปุ๊เหว่ย ปราชญ์ชาวจีนกล่าวว่า ก่อนที่จะเอาชนะคนอื่น...จักต้องเอาชนะตัวเองให้ได้เสียก่อน ก่อนที่จะว่าคนอื่น...ควรพิจารณาดูตัวเองเสียก่อน ก่อนที่จะรู้จักคนอื่น...ควรจะรู้จักตัวเองเสียก่อน
            ดูตัวเอง เพื่อรู้จักตัวเองให้ดีก่อนเป็น AEC นะครับJ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น