วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

The Cool ทศกัณฐ์


“Wealth you get by dishonesty will do you no good, but honesty can save your life”         Proverbs 10:2


เขียนเรื่องนายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่นแปลงร่างเป็น Mario ตัวการ์ตูนที่เด็กทั่วโลกรู้จัก มุดท่อใต้ดินไปโผล่กลางพิธิปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศบราซิล จนเป็นที่กล่าวขวัญฮือฮากันไปทั่วโลก ว่าประเทศญี่ปุ่นกำลังส่งเสริมนโยบาย The Cool Japan ที่เอาวัฒนธรรมของประเทศมาปรับใช้ให้เกิดเป็นประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและธุรกิจภาคบริการ ทำรายได้เข้าประเทศอยู่ในเวลานี้

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับต้นๆของโลกอย่างประเทศญี่ปุ่นจะมีปัญหาเศรษฐกิจมากถึงขนาดต้องเอาวัฒนธรรมของประเทศมาหากินแล้วหรือ ก็ต้องบอกว่าคงเป็นทำนองคนรวยนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คงไม่ยอมขายของเก่ากิน ประเทศญี่ปุ่นต้องปรับแนวทางเศรษฐกิจเพราะเขาเดือดร้อนจริง


ประเทศญี่ปุ่นตกอยู่ในวังวนของการหยุดนิ่งทางเศรษฐกิจมานานกว่า 10 ปี ที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า 10 ปีที่เสียไปของประเทศ เปลี่ยนทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีคลัง และรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ไปแล้วหลายคนก็ยังเอาเศรษฐกิจไม่อยู่ ภาคอุตสาหกรรมที่เป็นพระเอกทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุนคือ การผลิตรถยนต์ เครื่องจักรกลอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ส่งออกขายไปทั่วโลก แต่ในระยะหลังนี้ประเทศญี่ปุ่นขายสินค้าได้น้อยลงเรื่อยๆ เพราะราคาสินค้าสู้สินค้าจากประเทศไต้หวัน เกาหลี และจีน ไม่ได้ ทำให้บริษัทใหญ่ๆของญี่ปุ่นเริ่มประสบกับปัญหาสภาวะขาดทุน จนทำให้บริษัทใหญ่ชั้นนำที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกต้องยอมกัดฟันขายหุ้นบริษัทให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน


คนญี่ปุ่นนึกไม่ถึงเหมือนกันว่า ประเทศจีนที่กองทัพทหารญี่ปุ่นเคยบุกไปยึดครองดินแดนบางส่วนมาแล้ว เป็นประเทศคอมมมูนิสต์ที่ยากจน และ ล้าหลังทางเทคโนโลยี มาวันนี้จะมีอำนาจทางการเงินมากจนกล้ามาซื้อกิจการบริษัทชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นได้ บริษัทของประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีอายุเกิน 50 ปีทั้งนั้น และมาเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ประเทศญี่ปุ่นแพ้สงครามและถูกปรับให้ต้องชดใช้เงินค่าทำสงครามจำนวนมหาศาล แต่คนญี่ปุ่นรวมใจกันอดทนทุกข์ยากลำบาก ช่วยกันฟื้นฟูบูรณะสร้างประเทศกันใหม่หลังเมืองฮิโรชิมา และเมืองนางาซากิ ถูกเครื่องบินสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณู จนทำให้คนญี่ปุ่นตายเป็นแสน ประเทศญี่ปุ่นสามารถผงาดเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลก ที่ชาวตะวันตกยอมยกนิ้วให้ จากประเทศแพ้สงครามที่ยากจนเป็นประเทศลูกหนี้ มาเป็นประเทศร่ำรวย เป็นประเทศเจ้าหนี้มีเงินให้ประเทศยากจนกู้ มาวันนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกของประเทศญี่ปุ่นกำลังถูกบริษัทที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก จากประเทศจีน ซึ่งเพิ่งโผล่มาทำธุรกิจกับต่างประเทศเพียงไม่กี่ปี หลังประเทศจีนเปิดประเทศทำการค้าขายกับต่างชาติเมื่อไม่นานมานี้ เข้ามาเจรจาขอซื้อกิจการบริษัทของประเทศญี่ปุ่น


บริษัท Heier ประเทศจีน ซื้อบริษัท Sanyo Universal ประเทศญี่ปุ่นไปตั้งแต่ปี 2012 เพราะบริษัท Panasonic  ซึ่งเป็นบริษัทแม่ขอถอยออกจากธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเนื่องจากทนการขาดทุนไม่ไหว บริษัท Heier ใช้ชื่อ Sanyo ซึ่งสินค้าเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกว่ามีมาตรฐานสูงเป็นที่เชื่อถือไว้วางใจ เป็นฐานนำสินค้า ของ Heier ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักและไว้วางใจในคุณภาพ บุกเข้ายึดตลาดเอเซียได้สำเร็จ และเวลานี้บริษัท Heier กำลังสร้าง Brand สินค้าใหม่ชื่อ Aqua เพื่อผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาดบน


บริษัท Midea Group ประเทศจีน ซื้อหุ้น 80% ของบริษัท Toshiba Lifestyle and Services Corp (TLSC) ด้วยเงิน 473 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้บริษัท Midea Group มีสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิบัตรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ Toshiba มากกว่า 5,000 รายการ และสามารถใช้ชื่อ Toshiba ในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ไปอีก 40 ปี เพราะบริษัทของกลุ่ม Midea ประเทศจีนยังไม่มีนวัตกรรมของตนเอง จึงต้องหาทางลัดใช้เงินซื้อนวัตกรรมที่เขามีอยู่แล้วเพื่อผลิตสินค้าสำหรับอนาคต ใครที่ผูกใจใช้แต่สินค้าญี่ปุ่นต้องทำใจแล้วครับ ซื้อสินค้าชื่อญี่ปุ่นแต่จริงๆแล้วผลิตจากประเทศจีน


บริษัท Lenovo ประเทศจีน เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท NEC ประเทศญี่ปุ่นในการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเรียนรู้วิทยายุทธการผลิตจากบริษัท NEC จนปัจจุบันบริษัท Lenovo เติบใหญ่แข็งแกร่ง มีวิทยายุทธขั้นสูง สามารถก้าวขึ้นไปเป็นบริษัทที่อยู่แนวหน้าของโลก สามารถซื้อบริษัทใหญ่อย่าง Motorola ของสหรัฐอเมริกา ได้


บริษัท Hon Hai ประเทศไต้หวัน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Foxconn ผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและส่งออกรายใหญ่ เข้าซื้อกิจการบริษัท Sharp ที่มีชื่อเสียงในผลิตภ้ณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามานานนับศตวรรษ ไปเรียบร้อยแล้ว


คนญี่ปุ่นได้แต่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศด้วยความเป็นห่วง และกังวลถึงอนาคตของประเทศ สิ่งที่น่ายกย่องคือ สปิริตความรักชาติของคนญี่ปุ่น ที่ยอมรับความถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยกันแก้ไขกู้เศรษฐกิจกันอยู่ในเวลานี้


หันมามองประเทศไทยบ้าง โฆษณาสั้นๆแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวโดยทศกัณฐ์ทำกิจกรรมตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วทุกภาค ถูกสื่อสังคมวิพากษ์วิจารณ์หนักว่าไม่เหมาะสม เพราะทศกัณฐ์เป็นถึงราชาแห่งยักษ์ เล่นเป็นแต่โขน มีท่าเดินท่าขยับเฉพาะตน เอาท่านราชาแห่งยักษ์มานั่งแคะขนมครกแบบแม่ค้า เป็นยักษ์ทศกัณฐ์ขี่เรือบาบาน่าโบท มันดูไม่เหมาะสม แต่คนที่ชอบใจว่ามันน่ารักดีก็มีมาก เห็นยักษ์ใจดีกระโดดมาทำกิจกรรมแบบชาวบ้านบ้างก็ดูเข้าท่าดี ไม่เห็นมีอะไรเป็นปัญหา และสนับสนุนให้ยักษ์ทศกัณฐ์ออกจากโรงละครเวทีโขน มาเต้นร้องรำใช้ชีวิตตามท้องถนนเพื่อเด็กๆจะได้รู้จัก ถ้าเต้นแรพกับเด็กได้จะยิ่งสนุกกันใหญ่ จะได้ไม่มีช่องว่างกัน


เรื่องนี้คงเป็นเพียงประเด็นขัดแย้งกันบ้างในเบื้องต้น ในเรื่องความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ถ้าได้พูดคุยปรับความคิดกันหน่อยให้วัตถุประสงค์ตรงกัน ต่อไปถ้ามีใครนำเอาพระลักษณ์ พระราม หนุมาน และตัวละครอื่นๆในวรรณคดีไทยทะยอยออกมาเล่นบทบาทใหม่ เป็นตัวการ์ตูน Animation ให้เด็กรู้จักและชื่นชอบได้ ก็คงไม่มีปัญหา ผมว่าตัวละครต่างๆในวรรณคดีของไทยจะช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศไทยอย่างมหาศาล และจะเป็นส่วนสำคัญนำประเทศไทยก้าวไปสู่ The Cool Thailand 4.0 ได้ด้วย


ดังที่เราทราบกันแล้วว่าประเทศไทยต้องเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจกันใหม่ เพราะจะพึ่งรายได้จากสินค้าเกษตรและการส่งออกแบบเดิมคงลำบาก เนื่องจากมีคู่แข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ และประเทศคู่แข่งขันมีการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันสูงมากขึ้น ถ้าประเทศไทยไม่รีบเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ประเทศ ไม่รีบพัฒนาขีดความสามารถของประเทศไทยให้สูงขึ้น เราก็จะติดกับดักอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และ เศรษฐกิจของประเทศอาจจะถดถอยไม่เติบโตแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่น ถ้าประเทศอื่นๆเขารวยมากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยแม้จะมีรายได้มากเท่าเดิม ก็จะกลายเป็นประเทศยากจนลงในที่สุด


Thailand 4.0 จะปรับกระบวนทัศน์ทางเศรษฐกิจใหม่ โดยมุ่งเน้นไปยังการสร้างมูลค่าสินค้าและบริการ ให้ขายได้กำไรมากขึ้น อาจเรียกว่า เป็นเศรษฐกิจฐานมูลค่า (Value Base Econmy) คือทำให้สินค้า และบริการที่ขาย มีความแตกต่างจากสินค้าและบริการเดิมเพื่อสร้างมูลค่า สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อมากขึ้น และยอมจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้าและบริการที่ซื้อ สิ่งสำคัญในการพัฒนาสินค้า และบริการให้มีมูลค่ามากขึ้นคือการใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่ม คุณภาพสินค้า


จากแนวคิดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการทำให้สามารถขายสินค้าและบริการได้ราคาสูงขึ้น ทำให้มีกำไรมากขึ้น ฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยจึงต้องเปลี่ยนแนวใหม่คือ


  1. เปลี่ยนจากผลิตสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ที่ใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน เป็นสินค้าที่ต้องใช้ ในชีวิตประจำวันเหมือนกัน แต่เป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม มีคุณภาพสูงขึ้น มีความแตกต่าง เนื่องจากสินค้า กลุ่มอุปโภคบริโภคนี้ ปัจจุบันแต่ละประเทศสามารถผลิตเองได้เกือบหมดแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้อง นำเข้าจากประเทศไทยอีกต่อไป การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ต้องใช้การผลิตในปริมาณมากถึงจะคุ้ม เพราะกำไรต่อหน่วยน้อย
  2. เปลี่ยนจากอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่องจักร ใช้พลังงาน ใช้คนมาก ใช้พื้นที่ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมหาศาลและสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม มาเป็นอุตสาหกรรมที่สะอาด ใช้พลังงานน้อย ใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อย และใช้คนน้อยในกระบวนการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในกระบวนการผลิต และใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับสินค้าและบริการ
  3. เปลี่ยนจากภาคการผลิตที่มุ่งเน้นทำสินค้าเพื่อการส่งออกไปขายต่างประเทศ ซึ่งมีการแข่งขันสูง และมีความเสี่ยงสูง ไปสู่ภาคบริการที่มีคุณภาพ มีนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ มีมูลค่าสูง โดยเน้นให้คนเดินทางมาใช้บริการในประเทศไทย ให้เขาเอาเงินมาซื้อบริการภายในประเทศเรา ทำให้เราสร้างงานได้มากขึ้น คนมีงานทำมากขึ้น มีรายได้มากขึ้น เกิดการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น เศรษฐกิจของประเทศจะหมุนเวียนดีขึ้น


ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจะเลิกการผลิตสินค้าและอุตสาหกรรมตามแนวทางเดิมทั้งหมดทันที แต่ Thailand 4.0 จะเน้นการลงทุนใหม่ให้ไปสู่แนวทางเศรษฐกิจใหม่ที่สร้างมูลค่าตอบแทนได้สูงกว่าเดิม


นอกจากแนวทางเศรษฐกิจที่ต้องเปลี่ยนเพื่อสร้างมูลค่าตอบแทนที่สูงขึ้นแล้ว องค์ประกอบในการพัฒนาให้ ไปสู่แนวทางเศรษฐกิจใหม่ก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วยคือ


ประเทศไทยมีพื้นฐานเดิมเป็นประเทศเกษตรกรรม เพราะมีจุดแข็งทางธรรมชาติที่เป็นสุวรรณภูมิ คือ มีดินดี มีน้ำสมบูรณ์ มีอากาศดี สามารถเพาะปลูกพืชผลการเกษตรได้อย่างหลากหลายชนิดตลอดทั้งปี แต่เกษตรกรรุ่น ใหม่ไฟแรง ที่จะทำการเกษตรและปศุสัตว์ ต้องใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศเข้ามาช่วย ในการบริหารจัดการ ฟาร์มและปศุสัตว์ ซึ่งปัจจุบันมีวิทยาการสมัยใหม่ มีเทคโนโลยีเครื่องจักรกลทันสมัยมากมาย ที่มีประสิทธิภาพ สูง ตั้งแต่การเตรียมการเพาะปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต เกษตรกรไทยยุคใหม่ต้องเป็นเกษตรกรที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้วิชาการ มีความสามารถในการบริหารจัดการ เข้าใจและใช้เทคโนโลยี เป็น smart farmers ปลูกแล้วขายได้ เลี้ยงแล้วขายดี ไม่ต้องปิดถนนขอรัฐบาลช่วยเหลือเรื่องราคาพืชผล เหมือนที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี


ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่เราเรียกว่า SME ซี่งมีปัญหารอบด้าน ทั้งด้านการผลิตสินค้าที่มี ปัญหาเรื่องออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ อายุผลิตภัณฑ์ การขนส่ง ช่องทางจำหน่าย ตลาด บุคลากร ภาษา การบริหารจัดการ เทคโนโลยี แหล่งเงินทุน การบริหารเงิน การเสียภาษี ฯลฯ รัฐบาลต้องเข้ามาอุ้มช่วยเหลือกันหลายกรม หลายกระทรวง กว่าสินค้าจะขายได้ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ต้องมีความคิด มีแรงบันดาลใจ มีความคิดสร้างสรรค์ มีนวัตกรรม มีความรู้  มีความสามารถบริหารจัดการ มีเครือข่าย คิดเป็น ทำเป็น ขายเป็น แก้ปัญหาเป็น ไม่ต้องรอความเมตตาช่วยเหลือจากรัฐบาลแบบเลี้ยงไม่โตเสียที ต้องทำธุรกิจแบบ Smart Enterprise ซึ่งรัฐบาลจะเน้นให้การช่วยเหลือธุรกิจที่เห็นว่ามีศักยภาพสูง มีโอกาสจะประสบความสำเร็จได้เร็ว ขยายธุรกิจได้กว้างไกล สามารถสร้างรายได้ สร้างงานให้กับประเทศ เรียกธุรกิจที่ตั้งใหม่ที่มีศักยภาพนี้ว่า Startups ซึ่งสามารถเข้าหาแหล่งเงินทุนในการตั้งธุรกิจและขยายธุรกิจได้ง่ายกว่าธุรกิจ SME เดิม


ธุรกิจภาคบริการที่เหนื่อยมากแต่ทำกำไรได้น้อย ต้องปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ให้การบริการและวิธีการให้บริการใหม่ ทำให้บริการมีมูลค่ามากขึ้น เป็นบริการที่มีเรื่องราวความเป็นมา(Story) สร้างอารมณ์ ความงาม มีอัตลักษณ์ เฉพาะตัว ที่มีความรู้สึกสัมผัสได้ สร้างความประทับใจ สร้างความพึงพอใจ ยกระดับเป็นบริการที่สูงค่า (High value services) ทำแล้วไม่เหนื่อยมากแต่ได้เงินมาก


ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ต้องใช้ทรัพยากรบุคคลที่ไม่ใช่ขายแรงงานแลกเงินอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่คอยร้องขอให้รัฐบาลปรับค่าแรงขั้นต่ำทุกปี ต้องเป็นคนงานพนักงานที่มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น คือมีความรู้และทักษะฝีมือ และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ รู้และเข้าใจเครื่องจักรสมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีสูง ใช้เครืองมือเป็น สื่อสารเป็น และ พัฒนาความรู้และทักษะของตนอย่างต่อเนื่อง


สำหรับอุตสาหกรรมที่รัฐบาลจะส่งเสริมเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใน Thailand 4.0 ได้แก่


  1. อาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ
  2. กลุ่มบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีการแพทย์
  3. กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และเครื่องกลที่ใช้อิเล็กทรอนิกส์ควบคุม
  4. กลุ่มดิจิตอลที่มีการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เนตและบังคับอุปกรณ์ต่างๆ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว
  5. กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูง


Thailand 4.0 อาจจะเริ่มช้าไปหน่อยเพราะเราเสียเวลาไปกับเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ทำให้สังคมไทยไม่สงบจนถึงเวลานี้ และยังคงหาเรื่องว่ากันไม่รู้จบ โดยขาดจิตสำนึกเรื่องการรักษาประเทศ ให้รอดปลอดภัยไว้ก่อน รวมทั้งมีเรื่องการขาดจริยธรรมของนักการเมือง ข้าราชการและนักธุรกิจ ทำให้มีการคอร์รัปชั่น โกงกินกันหนัก ทำให้ประเทศเสียหายไปมากแล้ว


ผมว่าเรามีงานหนักที่ต้องช่วยกันทำอีกเยอะครับ ถ้าไม่ช่วยกันวันนี้คงจะสายเกินไปแล้วนะครับ ประเทศไทยยังโชคดีอยู่มากที่เป็นประเทศที่มีคนทั่วโลกคนอยากมาเที่ยว ขนาดกรุงเทพมหานคร ที่คนกรุงเทพบ่นเช้าบ่นเย็น เรื่องรถติด ฝนตกน้ำท่วม ร้อนและวุ่นวาย  คนทั่วโลกยังแห่กันมาเที่ยวถึง 21 ล้านคน มากกว่า ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส และ ญี่ปุ่น เสียอีก


มีโชคที่เป็นใจแล้ว แต่เราต้องฉวยโอกาสด้วยการทำงานหนักด้วย ถึงจะประสบความสำเร็จได้ เหมือนที่


Warren Buffett กล่าวว่า “Price is what you pay. Value is what you get.” ราคาคือเงินที่คุณจ่าย คุณค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ


Albert Einstein กล่าวว่า “Try not to become a man of success, but rather try to become a man of value.” อย่าพยายามเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่จงเป็นคนที่มีคุณค่า
และ
Margaret Mead กล่าวว่า “I learned the value of hard work by working hard.” ข้าพเจ้าเรียนรู้คุณค่าของงานหนักด้วยการทำงานอย่างหนัก


แหล่งที่มา : www.manager.co.th
                www.maruey.com