วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เด็กจีนฉลาด

 “เพราะพระเจ้าประทานปัญญา ความรู้และความเข้าใจมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์”
สุภาษิต 2:6
PISA ย่อมาจาก Programme for International Student Assessment เป็นแบบทดสอบที่ OECD หรือ Organization for Economic Co-operation and Development ใช้ทดสอบเพื่อวัดความสามารถของเด็กนักเรียนอายุ 15 ปี ในประเทศต่างๆทั่วโลกในด้าน การอ่าน (Reading) คณิตศาสตร์ (Mathematics) และ วิทยาศาสตร์ (Science) โดยเริ่มต้นทำการทดสอบครั้งแรกในปี ค.ศ. 2000 และทำการทดสอบซ้ำทุกๆ 3 ปี ครั้ง ผลคะแนนแต่ละครั้งได้นำมาใช้เพิ่มมากขึ้นในการวางนโยบายในหลายประเทศเพื่อพัฒนาระบบการศึกษา และคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้น
ในปี 2009 นักเรียนอายุ 15 ปี จำนวน 470,000 คน จาก 65 ประเทศและเขตการปกครอง เข้าร่วมในการทดสอบ PISA และนักเรียนอีก 50,000 คน จากอีก 9 ประเทศ ได้เข้าทดสอบเพิ่มเติมในปี 2010
ผลคะแนนและประเทศ 10 อันดับแรกในการสอบ PISA ปี 2009 มีดังนี้


No.
Reading
scores
Mathematics
 scores
Science
scores
 1
 China: Shanghai 
 556 
 China: Shanghai 
 600 
 China: Shanghai 
 575 
 2
 Korea
 539
 Singapore
 562
 Finland
 554
 3
 Finland
 536
 Hong Kong
 555
 Hong Kong
 549
 4
 Hong Kong
 533
 Korea
 546
 Singapore
 542
 5
 Singapore
 526
 Chinese Taipei
 543
 Japan
 539
 6
 Canada
 524
 Finland
 541
 Korea
 538
 7
 New Zealand
 521
 Liechtenstein
 536
 New Zealand
 532
 8
 Japan
 520
 Switzerland
 534
 Canada
 529
 9
 Australia
 515
 Japan
 529
 Estonia
 528
 10 
 Netherlands
 508
 Canada
 527
 Australia
 527
 49
 Romania
 424
 Chile
 421
 Thailand
 425
 50
 Thailand
 421
 Mexico
 419
 Mexico
 416
 51
 Trinidad&T.
 416
 Thailand
 419
 Jordan
 415
Reading
Mathematics
Science
 PISA  average
 493
 PISA  average
 496
 PISA  average
 501

สำหรับประเทศไทย ได้อันดับ 49 ในวิชาวิทยาศาสตร์ ด้วยคะแนน 425 ในขณะที่คะแนนเฉลี่ยของ PISAในหมวดนี้อยู่ที่ 501 คะแนน และ อันดับที่ 1 ได้แก่เด็กนักเรียนจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ด้วยคะแนน 575 นักเรียนไทยติดอันดับที่ 50 ในเรื่องการอ่าน ด้วยคะแนน 421 ต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยในหมวดนี้ซึ่งอยู่ที่ 493 โดยมีเด็กจีนเมืองเซี่ยงไฮ้ มาอันดับหนึ่งอีกโดยทำได้556 คะแนน  ในหมวดคณิตศาสตร์ นักเรียนไทยเข้ามาเป็นอันดับที่ 51 ทำคะแนนได้ 419 คะแนน ซึ่งคะแนนเฉลี่ยในหมวดนี้อยู่ที่ 496 คะแนน และเช่นกันนักเรียนของเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน คว้าอันดับที่ 1 อีกทำคะแนนได้สูงถึง 600 คะแนน โดยสรุปนักเรียนไทย ทำคะแนนต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยทุกวิชา
เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากนักเรียนจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มาเป็นอันดับที่1 แล้ว ยังมีนักเรียนจากจีน ฮ่องกง และจีนไทเป ติดใน 10 อันดับแรกด้วย 
คุณ Andreas Schleicher ซึ่งเป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบการทดสอบ PISAจากหน่วยงาน OECDให้ความเห็นว่า ผลการทดสอบของเด็กนักเรียนจีนชี้ให้เห็นว่า ประเทศจีนมีระบบการศึกษาที่เหนือกว่าหลายประเทศในซีกโลกตะวันตก และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความคิดอย่างลึกซึ้งในการสอนคนรุ่นต่อไปของประเทศจีนในการปรับตัวอย่างรวดเร็วได้อย่างน่าทึ่ง นักเรียนในภูมิภาคต่างๆใน 9 มณฑล ของจีน ทั้งเขตยากจน เขตรายได้ปานกลาง และเขตที่มีความมั่งคั่ง ต่างทำคะแนนได้ค่อนข้างดี นักเรียนจีนที่อยู่ในพื้นที่ชนบท อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ด้อยกว่า มีภูมิหลังที่ยากลำบาก และมีช่องว่างระหว่างความรวยกับความจนอยู่ค่อนข้างมาก มีความสามารถอย่างน่าทึ่งในการปรับตัวสู่ความสำเร็จ สิ่งที่ทำให้การศึกษาของประเทศจีนสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว น่าจะมาจาก ปรัชญาที่ได้หยั่งรากลึกมานานแล้วว่า การศึกษาคือกุญแจสู่ความสำเร็จ และเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต
ประธานาธิบดี Barack Obama ให้ข้อคิดว่า“เรา (อเมริกัน) จำเป็นต้องมีการศึกษาที่ดีในวันนี้ มิฉะนั้นประเทศอื่นจะชนะเราในวันพรุ่งนี้” “We (Americans) need to out-educate today or other countries will out-compete us tomorrow." นักเรียนสหรัฐอเมริกาได้อันดับที่ 17 ในหมวดการอ่าน อันดับที่ 23 ในหมวดวิทยาศาสตร์ และอันดับ 31 ในหมวดคณิตศาสตร์ ในการสอบ PISA ครั้งล่าสุด
ได้อ่านเรื่องนี้แล้วอยากให้ทุกคนช่วยกันพิจารณาแก้ไขระบบการศึกษาไทยอย่างจริงจัง ถ้าเรายังปล่อยให้โรงเรียนรับผิดชอบการศึกษาของลูกหลานเราแต่ฝ่ายเดียวโดยยอมจ่ายเงินกินเปล่าให้โรงเรียนที่เรียกร้อง อย่างที่เราเห็นเด็กนักเรียนออกมาอดอาหารประท้วงการรับเข้าเรียนที่ไม่ยุติธรรมในกรุงเทพมหานคร น่าสงสัยว่าประเทศไทยจะสามารถแข่งขันกับประเทศใดได้ในอนาคต
John Dewey กล่าวว่า “Education is not preparation for life; education is life itself.” การศึกษาไม่ใช่การเตรียมตัวเพื่อชีวิต การศึกษาโดยตัวมันเองคือชีวิต
ท่านคิดอย่างไรครับ? L อาเมน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น