วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผู้นำตามตำแหน่ง

Are you immature? Learn to be mature. Are you foolish? Learn to have sense.                                                       Proverbs 8:5

เดือนตุลาคม เป็นเดือนที่ประเทศไทยมีเจ้านายใหม่เกิดขึ้นหลายร้อยคน เนื่องจากเป็นเดือนที่มีข้าราชการเกษียณอายุการทำงาน มีการโยกย้าย แต่งตั้งข้าราชการเข้ารับตำแหน่งใหม่กันทั่วประเทศ แน่นอนว่ามีทั้งคนยินดีปรีดาสมหวังดังใจ และคนเสียใจผิดหวังที่ไม่ได้ตำแหน่งตามที่คาดหวัง สำหรับคนที่สมหวังได้ตำแหน่งดั่งใจ ยังมีหนทางที่ต้องเดินไปข้างหน้าอีกเป็นปีหรือหลายปีที่ต้องรับผิดชอบในการบริหารจัดการให้องค์กรประสบความสำเร็จ สำหรับคนที่ยังไม่สมหวังถ้าเป็นเพราะจะไม่มีโอกาสอีกเนื่องจากอายุราชการเหลือเพียงปีเดียว คงต้องทำใจยอมรับคติไทยที่ว่า แข่งวัวแข่งควายแข่งได้แต่แข่งวาสนาไม่ได้ สำหรับคนที่พลาดหวังแต่ยังมีอายุราชการอีกหลายปี อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ขอให้สำรวจข้อด้อยของตนเอง และปรับปรุงการทำงานให้เข้าตาเจ้านายมากขึ้น ต้องคิดว่าทุกอย่างไม่จีรัง มียศก็เสื่อมยศ มีลาภก็เสื่อมลาภ วันนี้ยังไม่ใช่เป็นวันของเรา โอกาสของเรายังมีอยู่เสมอ

          การเป็นผู้นำ โดยตำแหน่ง เป็นไปตามระบบ หรือวัฒนธรรม ขององค์กร ที่อาจจะมีขั้นตอน หรือระบบการคัดสรร หรือการเตรียมผู้สืบถอดตำแหน่ง ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ความคาดหวังของคนในองค์กรและนอกองค์กร ต้องการได้ผู้นำที่สามารถนำพวกเขาไปสู่เป้าหมายความสำเร็จที่ต้องการข้างหน้า ใช้อำนาจทางการ (Authority) ซึ่งมากับตำแหน่ง (Position) ที่ได้รับแต่งตั้ง จัดการให้องค์กรสามารถเผชิญกับสถานการณ์ที่สลับซับซ้อนได้โดยใช้คนตามโครงสร้างขององค์การ ที่แน่นอนชัดเจน ทำให้งานดำเนินเป็นไปตามกระบวนการที่ได้วางแผน และ มีการกำกับดูแลแก้ไขให้เกิดผล บรรลุเป้าหมายที่กำหนด

          มีคำกล่าวว่า “When you speak people listen. When you lead people follow” เมื่อคุณพูดมีคนฟังเมื่อคุณนำมีคนตาม นี่คือคุณสมบัติพื้นฐานของการเป็นผู้นำ เพราะเมื่อใดที่คุณพูดแล้วไม่มีใครฟังและเชื่อในสิ่งที่คุณพูด คุณไม่สามารถนำใครได้อีกต่อไป และการเป็นผู้นำต้องมีผู้ตามเสมอ เมื่อใดที่คุณเดินไปข้างหน้าแล้วไม่มีใครยอมเดินตามคุณต่อไป คุณหมดสภาพความเป็นผู้นำไปแล้ว

          การเป็นผู้นำจึงต้องมีภาวะความเป็นผู้นำอยู่ตลอดเวลา เพราะผู้นำจะต้องสร้างการยอมรับศรัทธาให้เกิดขึ้นเป็นอันดับแรก ถ้าคนไม่ยอมรับในตัวผู้นำ ไม่มีความศรัทธาในการนำ การนำองค์กรไปสู่เป้าหมายลำบากแน่ ผู้นำต้องเข้าใจว่าคนในองค์กรยอมรับตำแหน่งเพราะเป็นไปตามโครงสร้างการบริหารองค์กร แต่ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนั้นต้องทำให้คนยอมรับในความเป็นผู้นำด้วย จึงจะทำให้เขายอมฟัง ยอมทำ ยอมตาม ผู้นำไปเผชิญกับภาวการณ์เปลี่ยนแปลงข้างหน้า

          การที่คนจะยอมรับความเป็นผู้นำในตำแหน่ง ผู้นำต้องเป็นผู้สร้าง วิสัยทัศน์ให้เป็น ตัวกำกับ ทิศทาง ขององค์การในอนาคต เพื่อให้คนที่จะติดตามเราได้เกิดความมั่นใจว่า จะนำเขาและองค์กรไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ ซึ่งผู้นำจะต้องมีความสามารถในการสื่อความหมายให้คนเข้าใจ มีระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนได้รับข้อมูล ข่าวสาร ตรงตามที่ผู้นำต้องการสื่อสาร เหตุนี้ผู้นำจึงต้องมียุทธศาสตร์มาขยายวิสัยทัศน์ ให้เป็นรูปธรรมที่สามารถเห็นผลที่เกิดขึ้น และวัดผลที่เกิดขึ้นได้ ตามเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยทำให้คนในองค์กรเกิดแรงบันดาลใจอยากทำ อยากเอาชนะอุปสรรค์ อยากไปสู่เป้าหมายตามวิสัยทัศน์ และอย่างเห็นผลสำเร็จตามยุทธศาสตร์ที่กำหนด

          มีคำกล่าวว่า  A vision without action is just a dream. An action without vision is passing time. A vision with action is a change. วิสัยทัศน์ที่ไม่มีการปฏิบัติไม่มีการกระทำใดๆเกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะมันอยู่แค่ในความฝัน ไม่เกิดขึ้นจริง การปฏิบัติที่ไม่มีวิสัยทัศน์เป็นการเสียเวลาเปล่า เพราะการกระทำที่ไม่มีเป้าหมาย ทำไปอย่างไม่มีทิศทาง จะไม่เกิดความสำเร็จ เป็นการเสียเวลา เสียทรัพยากร โดยไม่ได้รับประโยชน์อะไร ดังนั้นวิสัยทัศน์ต้องทำให้เป็นจริงให้ได้ และกระบวนการที่นำให้วิสัยทัศน์ไปสู่การปฏิบัติได้จริง คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง

          มีคำกล่าวอีกเช่นกันว่า “Not all leaders are managers. Not all managers are leaders.” ไม่ใช่ผู้นำทุกคนจะเป็นผู้จัดการได้ ไม่ใช่ผู้จัดการทุกคนจะเป็นผู้นำได้ เพราะพระเจ้าให้ความสามารถที่แตกต่างกันแก่มนุษย์ เราถึงอยู่ร่วมกันได้ เนื่องจากเราต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ผู้นำบางคนมีความสามารถในการจัดการบริหารเก่งด้วย ถือว่าเป็นคุณสมบัติพิเศษที่สามารถใช้ภาวะความเป็นผู้นำ บวกกับความสามารถในการบริหารจัดการ ทำให้ความเป็นผู้นำของเขาประสบความสำเร็จ แต่ก็มีผู้นำหลายคนที่ล้มเหลวในการนำเพราะขาดความชำนาญในด้านการบริหารจัดการ เช่นเดียวกัน มีผู้จัดการหลายคนที่มีภาวะความเป็นผู้นำสูง ทำให้สามารถใช้ความโดดเด่นในการบริหารจัดการ บวกกับภาวะความเป็นผู้นำที่มีอยู่ในตัว ทำให้งานต่างๆในความรับผิดชอบบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้นำตามตำแหน่งจึงต้องเข้าใจว่า อำนาจทางการที่ท่านมี และใช้นั้น เป็นสิทธิความถูกต้องที่องค์กรมอบให้ (The rights given by an organization.) คนในองค์กรทำตามเพราะเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำ ผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งมีหน้าที่ต้องนำ ต้องสั่ง ต้องปฏิบัติ ตามสิทธิและอำนาจที่กำหนดในตำแหน่ง ส่วนผู้ตามที่อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งและการนำของผู้นำในตำแหน่ง ถ้าไม่ปฏิบัติตามเป็นความผิดตามระเบียบข้อบังคับ แม้จะไม่ชอบก็ต้องทำ แต่การทำให้งานสำเร็จอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพนั้นไม่สามารถใช้ผังบริหารองค์กรและตัวหนังสือที่เขียนไว้ในระเบียบข้อบังคับเป็นสิ่งกำหนดให้เกิดความสำเร็จ เพราะมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง งานจะสำเร็จได้ด้วยภาวะความเป็นผู้นำในตัวผู้นำ ไม่ใช่จำนวนระเบียบข้อบังคับ ถ้าผู้นำมีภาวะความเป็นผู้นำสูง งานจะสำเร็จได้แม้ไม่มีระเบียบข้อบังคับ ถ้าผู้นำมีภาวะความเป็นผู้นำต่ำ แม้ใช้ระเบียบข้อบังคับอย่างเข้มงวด งานอาจไม่สำเร็จ

John C. Maxwell บอกว่า หัวใจสำคัญในการเป็นผู้นำตามตำแหน่งคือ การมีความสามารถในการโน้มน้าว (Influence) คนให้ยอมรับ เพราะถ้าคนยอมรับตำแหน่ง แต่ไม่ยอมรับคนที่อยู่ในตำแหน่ง การบริหารงานจะไม่ราบรื่นแน่นอน ผู้นำต้องสามารถโน้มน้าวให้คนยอมรับตนที่อยู่ในตำแหน่งด้วย ตำแหน่งนั้นจึงจะมีความสมบูรณ์ในตำแหน่ง (Position) และอำนาจทางการ (Authority) ซึ่งมากับตำแหน่ง ผู้นำสามารถใช้ลำดับต่อไปนี้ในการนำคนในองค์กร

Accepting การยอมรับ
การเข้าสู่ตำแหน่งของผู้นำแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเข้าสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่น เพราะเป็นไปตามความคาดหวัง ตัวผู้นำมีความโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ เป็นที่ต้องการขององค์กร แต่คงมีคนในองค์กรบางส่วนแม้เป็นส่วนน้อย ที่ไม่ยอมรับ หรือยอมรับไม่เต็มร้อย แต่ไม่แสดงออกอยู่บ้าง ผู้นำหลายคนเข้าสู่ตำแหน่งอย่างมีวิบากกรรม เหนื่อยหอบกว่าจะได้เป็น เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ด้วยสาเหตุต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ใด ผู้นำต้องสร้างการยอมรับให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด และทำให้มีจำนวนผู้ยอมรับมากที่สุด เพราะการมีจำนวนผู้ยอมรับมากขึ้นหมายถึงการมีจำนวนผู้คัดค้านต่อต้านน้อยลง

Behaving ยอมประพฤติตาม
การยอมประพฤติตามเป็นผลต่อจากการยอมรับ ถ้าคนไม่ยอมรับ คนก็ไม่ประพฤติตาม คนยอมประพฤติตามที่ผู้นำต้องการเพราะเขายอมรับการเป็นผู้นำ หรือยอมรับความเป็นผู้นำ ของตัวผู้นำแล้ว การที่คนยอมประพฤติตามความต้องการของผู้นำมีผลต่อความสำเร็จขององค์กรมากกว่าการที่คนต้องประพฤติตามระเบียบข้อบังคับ เพราะการประพฤติตามความต้องการของผู้นำ เป็นการประพฤติด้วยใจ แต่การประพฤติตามระเบียบข้อบังคับอาจเป็นการประพฤติด้วยการฝืนใจ ผู้นำที่สามารถสร้างการยอมรับ จนทำให้คนในองค์กรยอมประพฤติตามผู้นำในสิ่งที่ผู้นำต้องการได้อย่างรวดเร็วจะสามารถนำองค์กรไปสู่ ความสำเร็จได้รวดเร็วขึ้น

Conforming ยอมร่วมมือปฏิบัติตาม
นอกจากที่ผู้นำสามารถทำให้คนประพฤติตามที่ผู้นำต้องการได้แล้ว ผู้นำยังต้องทำให้คนในองค์กรยอมปฏิบัติตามระบบ หรือการเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่องค์กรด้วย เพราะในการนำวิสัยทัศน์ไปสู่การปฏิบัติ วัดผลได้จริงนั้น ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm shift) การเปลี่ยนเป้าประสงค์ (Purpose shift) การเปลี่ยนกระบวนการ (Process shift) และการเปลี่ยนการปฏิบัติการ (Performance shift) ถ้าคนในองค์กรไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ยอมปฏิบัติตาม การเปลี่ยนแปลงไม่เกิดขึ้น ความสำเร็จในการเป็นผู้นำไม่เกิดขึ้น

Developing ยอมพัฒนาให้ดีขึ้น
การเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ จะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Ongoing development) เพราะการนำองค์กรคือการทำให้องค์กรอยู่ข้างหน้าองค์กรอื่น ไม่ใช่อยู่ตามหลังองค์กรอื่น ผู้นำที่ต้องการให้องค์กรอยู่นำหน้าต้องพัฒนาคนขององค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนในองค์กรมีความรู้ ความสามารถ มีทักษะที่สูงขึ้น สามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำขององค์กรต่อไป องค์กรถึงจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้นำที่หยุดพัฒนาคนในองค์กร จะทำให้คนในองค์กรขาดความกระตือรือร้น ถอยเข้าไปอยู่ในพื้นที่สุขสบาย (Comfort zone) ความเฉื่อยเกิดขึ้น ความเฉยตามมา ความช้ากลายเป็นเรื่องปกติ ความสามารถในการแข่งขันลดลงจนในที่สุดไม่สามารถแข่งขันได้

Exercising ยอมกระทำอย่างต่อเนื่อง
การออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายเกิดความตื่นตัว กระฉับกระเฉง ว่องไว มีความฟิต การกระทำอย่างต่อเนื่องในการนำองค์กรก็เช่นกัน จะทำให้องค์กรมีความตื่นตัวในการปรับตัว มีความกระฉับกระเฉงในการทำงาน มีความว่องไวในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง มีความฟิตในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค ทำให้องค์กรคึกคักมีชีวิตชีวา มีขวัญกำลังใจ มีอารมณ์มุ่งสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ผู้นำบางท่านเมื่อเข้าสู่ตำแหน่งแล้วออกตัวได้ดี พอนำองค์กรได้แล้วเริ่มแผ่วลง เพราะมีความรู้สึกว่าเอาองค์กรอยู่แล้ว เหมือนนักกีฬาได้แชมป์แล้วหมดไฟซ้อม ในที่สุดก็แพ้เพราะความฟิตไม่ถึง ผู้นำที่ดีต้องไม่มีแผ่ว เหมือนที่ John C. Maxwell บอกว่า “Start but do not stay” เดินเครื่องแล้วอย่าหยุดอยู่ที่เดิม

          Harvey S. Firestone กล่าวว่า The growth and development of people is the highest calling of leadership.” การเติบโต และการพัฒนาคน คือสุดยอดของการเป็นผู้นำ

          อย่าลืมใช้ ABCDE ที่นำเสนอไปใช้ในการนำองค์กรของท่านนะครับJ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น