“There are seven things that the LORD hates and cannot tolerate: A proud look, a lying tongue, hands that kill innocent people, a mind that thinks up wicked plans, feet that hurry off to do evil, a witness who tells one lie after another, and someone who stirs up trouble among friends.” Proverbs 6:16
ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับการโต้วาทะ (Debate) ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายในการโต้วาทะผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ให้คนอเมริกันและทั่วโลกได้ชมกันสดๆ ระหว่าง ประธานาธิบดี Barack Obama กับผู้สมัครแข่งขันเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนต่อไป Mitt Romney ผู้ว่าการรัฐคนที่ 70 ของรัฐ Massachusetts
ในการโต้วาทะครั้งแรกที่เมือง Denver ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Mitt Romney ทำได้ดีเกินคาด และมีผลทำให้คะแนนนิยมของเขาที่ตามหลังประธานาธิบดี Barak Obama อยู่ค่อนข้างมาก นับตั้งแต่ประกาศตัวเป็นผู้แทนของพรรครีพับลิกัน เข้าต่อกรกับพรรคเดโมเครต กระเตื้องขึ้นจนคะแนนจากการสำรวจความคิดเห็นหลายสำนักบ่งชี้ว่ามีคะแนนวิ่งตามเข้ามาใกล้มากขึ้น
ในการโต้วาทะครั้งที่ 2 ที่ Hofstra University, Long Island ประธานาธิบดี Barak Obama กลับเข้าสู่ฟอร์มเดิมที่ถนัดในการใช้วาทะศิลป์แสดงความเข้มมากขึ้นทำได้ดีกว่า Mitt Romney เล็กน้อย ทำให้คะแนนนิยมจากการสำรวจ Poll ของหลายสำนักให้ประธานาธิบดี Barak Obama นำหน้าผู้ท้าชิงเล็กน้อย
ในการโต้วาทะครั้งที่ 3 ที่เมือง Boca Raton, Florida เพิ่งเสร็จสิ้นไปหมาดๆ ประธานาธิบดี Barak Obama ทำได้ค่อนข้างดีในเรื่องนโยบายการต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับปัญหาตะวันออกกลางซึ่งประธานาธิบดี Barak Obama รอบรู้ดีเนื่องจากมีประสบการณ์ในการจัดการปัญหาเรื่องนี้มาเกือบ 4 ปี ในขณะที่ Mitt Romney ยังไม่มีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนี้ จึงพูดได้ไม่ค่อยเต็มคำเท่าไหร่นัก อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการโต้วาทะหลายท่านให้ประธานาธิบดีเหนือกว่าผู้ท้าชิงหลายคะแนน แต่ก็มีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญบางท่านชี้ให้เห็นว่า Mitt Romney แสดงลักษณะความเป็นผู้นำเด่นชัดมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีผลทำให้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นก็ได้
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2012 ซึ่งเป็นวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สื่อหลายสำนักระบุตรงกันว่าคะแนนเสียงคงจะสูสีกันมาก ดังนั้นเวลาที่เหลือก่อนวันเลือกตั้ง ทั้งสองพรรคต่างต้องวิ่งหาเสียงกันหนักเพื่อเรียกคะแนนจากกลุ่มผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครดี
John C Maxwell เขียนในหนังสือของเขาว่า ปัจจัยที่ทำให้ผู้นำเป็นผู้นำแท้ ที่สามารถนำคนอื่นได้อย่างแท้จริง คือการที่ผู้นำมีคุณสมบัติในการโน้มน้าว (Influence) ให้ผู้อื่นเชื่อและทำตามตน และผู้นำแท้ต้องมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้
อัตลักษณะ (Character) หรือบุคลิกลักษณะที่ชัดเจนซึ่งแสดงลักษณะตัวตนที่แท้จริงของผู้นำว่าเขาเป็นใคร (Who they are) ความเป็นผู้นำแท้เริ่มจากตัวตนภายในของผู้นำเสมอ (True leadership always begins with the inner person) เป็นคุณลักษณะที่เป็นตัวตนที่แท้จริงที่ผู้นำแท้แสดงออกมาทั้งทางคำพูดและการกระทำ จนสามารถสร้างความประทับใจ ให้คนยอมรับความเป็นผู้นำของเขามากขึ้นเรื่อยๆและยอมติดตามเขา
Abraham Lincoln กล่าวว่า “Character is like a tree and reputation like a shadow. The shadow is what we think of it; the tree is the real thing.” อัตลักษณะ เป็นเหมือนต้นไม้ และชื่อเสียงเป็นเหมือนเงา เงาคือสิ่งที่เราคิดว่าเราเป็น ต้นไม้คือของจริง ความเป็นผู้นำแท้ต้องออกมาจากตัวตนข้างในที่แท้จริง เป็น อัตลักษณะจริงของผู้นำแท้ ที่ผู้ติดตามสามารถสัมผัสได้ และมีความประทับใจในลักษณะพิเศษของผู้นำ
ความสัมพันธ์ (Relationships) เป็นสายใยเชื่อมระหว่างผู้นำกับผู้ติดตามว่าผู้นำรู้จักผู้ที่ติดตามเขา (Who they know) มากน้อยเพียงใด ยิ่งมีความสัมพันธ์ที่ลึกมากเท่าใด ศักยภาพของการเป็นผู้นำจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น (the deeper the relationships, the stronger the potential for leadership) เมื่อใดที่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำกับผู้ติดตามห่างหายไป ผู้ติดตามก็หายตามไปด้วย และเมื่อใดที่ไม่มีผู้ติดตาม เมื่อนั้น ความเป็นผู้นำก็หายไปด้วย ที่ใดไม่มีผู้ตามที่นั่นก็ไม่มีผู้นำ
Eric Braeden กล่าวว่า “A relationship has to be cultivated. There have to be feelings of love for another first.” ความสัมพันธ์จะต้องถูกบ่มเพาะ โดยจะต้องมีความรู้สึกรักให้แก่ผู้อื่นก่อน ผู้นำแท้คือผู้ที่รักผู้อื่นก่อน ผู้นำที่รอให้คนอื่นมารักตนก่อนแล้วตนถึงจะรักตอบจึงไม่ใช่ผู้นำแท้
Arnold Schwarzenegger กล่าวว่า “My relationship to power and authority is that I'm all for it.” ความสัมพันธ์ของข้าพเจ้ากับอำนาจและหน้าที่รับผิดชอบคือ ข้าพเจ้าทุ่มเทให้มันทั้งหมด ผู้นำแท้ต้องมีความรักให้แก่ผู้ติดตามก่อนเสมอ ความรักที่ผู้นำแท้มีให้แก่ผู้ติดตาม ทำให้เขาใช้อำนาจและความรับผิดชอบทั้งหมดทำงานทุ่มเทให้กับงานที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ติดตามที่เขารัก
ความรู้ (Knowledge) แสดงสิ่งที่ผู้นำแท้รู้ (What they know) ให้ผู้ติดตามได้ประจักษ์ เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้นำแท้ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา เพื่อสามารถวางแผน แก้ปัญหา และชี้ทิศทางในการเดินและขับเคลื่อนให้ผู้ติดตามเดินตามทิศทางนั้น แม้ว่าความรู้เพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถทำให้ใครเป็นผู้นำได้ แต่ถ้าขาดความรู้ ก็ไม่มีใครสามารถเป็นผู้นำได้เช่นกัน (Knowledge alone won’t make someone a leader, but without knowledge, no one can become one.) ปัจจุบันเป็นยุคที่ความรู้เป็นฐานเศรษฐกิจ ผู้นำแท้ในยุคสมัยนี้จำเป็นต้องมีความรู้แท้ถึงจะสามารถเป็นผู้นำคนอื่นได้
Kofi Annan อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า “Knowledge is power. Information is liberating.” ความรู้คืออำนาจ ข่าวสารคืออิสรภาพ ผู้นำที่ไม่มีความรู้คือผู้นำที่ไม่มีอำนาจ และทำให้เขาดำรงความเป็นผู้นำได้ไม่นาน
ความสามารถหยั่งรู้ (Intuition) เป็นความรู้สึกของผู้นำแท้ (What they feel) ที่ไว ต่ออารมณ์ ความรู้สึกที่มีต่อ คน สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและเวลา ทำให้สามารถปรับตัวพลิกสถานการณ์ที่เป็นโทษให้เป็นคุณต่อความเป็นผู้นำของเขาได้โดยเร็ว ความสามารถหยั่งรู้ทำให้ผู้นำแท้สามารถนำผู้ตามให้รอดพ้นจากสถานการณ์วิกฤติได้รวดเร็ว และสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่าผู้ที่ไม่มีความสามารถหยั่งรู้
Albert Einstein กล่าวว่า “The only real valuable thing is intuition.” สิ่งที่มีค่าจริงสิ่งเดียวคือความสามารถหยั่งรู้ ผู้นำที่ขาดความสามารถในการหยั่งรู้สถานการณ์ ทำให้เขาไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปรไป และทำให้เกิดผลเสียหายต่อผู้ติดตามเขา
ประสบการณ์ (Experience) แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์ในอดีตของผู้นำแท้ว่าได้ผ่านอะไรมาบ้าง (Where they’ve been) ประสบการณ์อาจไม่สามารถเป็นเครื่องรับประกันความสามารถของผู้นำได้เสมอไป แต่ประสบการณ์ช่วยทำให้ผู้ติดตามเกิดความมั่นใจและมอบโอกาสให้ผู้นำพิสูจน์ความสามารถในการเป็นผู้นำแท้ของเขา
Julius Caesar กล่าวว่า “Experience is the teacher of all things.” ประสบการณ์เป็นครูของทุกสิ่ง ผู้นำที่มีประสบการณ์หลากหลายได้เรียนรู้หลายบทเรียนที่ผิดพลาดและหลายบทเรียนที่สำเร็จจากอดีต ย่อมช่วยให้เขาสามารถแก้ไขปัญหาได้หลากหลายมิติและมีความหยั่งรู้ที่จะนำพาผู้ติดตามให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้องและประสบความสำเร็จได้ ประสบการณ์จึงเป็นครูของผู้นำแท้
ความสำเร็จในอดีต (Past Success) บ่งชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ผู้นำแท้ได้กระทำสำเร็จในอดีต (What they’ve done) ความสำเร็จในอดีตเป็นประวัติที่เสริมให้ผู้ติดตามเกิดความเชื่อมั่น และยอมรับในความเป็นผู้นำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้นำแท้สามารถมีผู้ติดตามที่พร้อมที่จะฟังและทำตาม ให้ความร่วมมือเพิ่มขึ้น ความสำเร็จในอดีตจึงเป็นฐานที่แข็งแกร่งในการสร้างความสำเร็จใหม่ของผู้นำแท้
Diane Ackerman กล่าวว่า “Success produces success, just as money produces money.” ความสำเร็จก่อให้เกิดความสำเร็จ เหมือนเช่น เงินก่อให้เกิดเงิน เงินต่อเงินได้ฉันใด ความสำเร็จก็ต่อความสำเร็จได้ฉันนั้น
Euripides กล่าวว่า “Along with success comes a reputation for wisdom.” เมื่อประสบความสำเร็จความมีชื่อเสียงแห่งปัญญาจะตามมา ความสำเร็จในอดีตช่วยสร้างความมีชื่อเสียง สร้างความรู้และปัญญาที่ทำให้เกิดความสำเร็จในปัจจุบันได้ง่ายขึ้น
ความสามารถ (Ability) เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่แสดงให้เห็นว่าผู้นำแท้สามารถทำอะไร (What they can do) ได้มากน้อยเพียงใด จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การเป็นผู้นำประสบความสำเร็จหรือไม่ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเป็นผู้ติดตามผู้นำที่พาพวกเขาไปสู่ความพ่ายแพ้ หรือความล้มเหลว ทุกคนต้องการอยู่กับผู้นำที่พาเขาไปสู่ชัยชนะและความสำเร็จ ผู้นำที่ขาดความสามารถจริงจึงนำได้ไม่นาน แม้ว่าการไปสู่ความสำเร็จจะต้องต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคมากมาย แต่ ผู้นำแท้จะแสดงความสามารถแท้ออกมาให้ประจักษ์ในที่สุด
George Will กล่าวว่า “Leadership is, among other things, the ability to inflict pain and get away with it; short-term pain for long-term gain.” ท่ามกลางสิ่งอื่นๆ ความเป็นผู้นำ คือ ความสามารถในการรับความเจ็บปวดและเอาชนะมันได้ เป็นความเจ็บปวดในระยะสั้นเพื่อรับประโยชน์ในระยะยาว ผู้นำแท้ย่อมมีความสามารถในการรับมือกับปัญหาอุปสรรคทุกระดับ ยอมอดทนกับความยากลำบากและความกดดันที่ต้องเผชิญ ใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหาด้วยความสุขุม ผู้นำแท้จึงไม่ทำอะไรเพียงเพื่อหวังผลสำเร็จในระยะสั้นๆ ระยะทางพิสูจน์ความสามารถของม้าฉันใด ระยะเวลาพิสูจน์ความสามารถของผู้นำแท้ฉันนั้น
มีผู้กล่าวว่า “The most splendid future will always depend upon the necessity to release the past. You cannot move forward in life unless you learn from your past mistakes and move on” อนาคตที่รุ่งโรจน์จะขึ้นอยู่กับความจำเป็นที่ต้องปล่อยให้อดีตผ่านไปเสมอ คุณไม่สามารถเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้าได้ นอกเสียจากว่าคุณเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต และเดินหน้าต่อไปJ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น