วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระคริสต์คือชีวิตของเรา

“เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นชีวิตของเราทรงปรากฏ ขณะนั้นท่านก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในศักดิ์ศรีด้วย”  When Christ (who is your life) appears, then you too will be revealed in glory with him. โคโลสี 3:4

พระประสงค์ของพระเจ้าที่ให้พระเยซูคริสต์มาอยู่ในโลกในลักษณะมนุษย์และต้องตายด้วยการถูกตรึงบนกางเขน เพื่อแสดงให้มนุษย์เข้าใจถึงความรักของพระเจ้าในลักษณะที่สัมผัสได้ และเพื่อไถ่มนุษย์ให้รอดจากความผิดบาป ความทุกข์ทรมานและการถูกตรึงบนกางเขนของพระเยซูคริสต์จะเกิดผลอย่างสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อ ในชีวิตจริง มนุษย์ได้ปฏิบัติตนโดยยอมรับว่า

Wพระคริสต์ทรงเป็นแหล่งแห่งชีวิต (Christ is the source of our life.)
ยอห์น 1:4 พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์ เพราะชีวิตมนุษย์ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง แต่ต้องอาศัยแหล่งพลังแห่งชีวิตจากพระเจ้า เราถึงดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่มนุษย์กลับเข้าใจว่าปัจจัยสี่ เป็นแหล่งชีวิต และดำรงชีวิตโดยอาศัยปัจจัยสี่ ซึ่งสิ่งที่มนุษย์กำลังเสาะแสวงหาเป็นเรื่องเนื้อหนัง ที่ไม่มีความยั่งยืนจีรัง แต่พระคริสต์ผู้ให้ชีวิตใหม่แก่เราซึ่งเป็นสาระแก่นแท้ของชีวิตที่จะทำให้เราเจริญเติบโตขึ้นสมบูรณ์ในชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ(Spiritual life) เรากลับละเลยไม่แสวงหา จึงทำให้เรามีปัญหาและความทุกข์ตลอดเวลา ถ้าชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณยังไม่เจริญ ชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง(Physical life) ไม่มีทางที่จะเจริญได้

Wพระคริสต์เป็นผู้เลี้ยงแห่งชีวิต (Christ is the sustenance of our life.)
      ยอห์น 10:11และ14 “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตเพื่อฝูงแกะ” และ “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เรารู้จักแกะของเราและแกะของเราก็รู้จักเรา” ลำพังความรู้ ความสามารถ สติปัญญาของมนุษย์ ในการทำงานและเลี้ยงดูชีวิตของเราไม่เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของเราครบบริบูรณ์ได้ เพราะมนุษย์มีข้อจำกัด (Limitation) เราจึงต้องมีผู้เลี้ยงดูแลชีวิตของเรา และพระคริสต์ทรงเป็นผู้เลี้ยงดูชีวิตที่ดีที่สุด ของเรา

Wพระคริสต์เป็นผู้ปลอบประโลมใจ (Christ is the solace of our life.)
   ชีวิตมนุษย์มีอุปสรรคปัญหามากมายที่ทำให้มนุษย์ทุกข์ใจ หมดหวัง ท้อถอย หมดกำลังใจ แต่ที่เราสามารถพบทางออกและสามารถผ่านอุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวัน ทั้งในครอบครัว ที่ทำงานและสังคมได้ เป็นเพราะการปลอบประโลมใจของพระคริสต์ เมื่อความทุกข์ยากลำบากใจเข้ามาเยือนในชีวิต ความรู้สึกว่าพระองค์อยู่ใกล้และทรงห่วงใยชีวิตของเรา ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น มีความหวัง มีกำลังใจ และมีพลังในการต่อสู้แก้ไขปัญหาอุปสรรคชีวิต

Wพระคริสต์เป็นเป้าหมายของชีวิตเรา (Christ is the object of our life.)
     ชีวิตมนุษย์ต้องมีเป้าหมายที่ถูกต้อง ถ้ามีเป้าหมายผิดจะทำให้เราเดินผิดทางตั้งแต่เริ่มต้นก้าวเดิน ถ้าเรามีพระคริสต์เป็นเป้าหมายของชีวิต เราจะก้าวเดินในทิศทางที่ถูกต้องไปสู่เป้าหมายชีวิตที่ถูกต้อง ชีวิตของเราจะไม่เสียเวลาเดินหลงทางไปพบอุปสรรคปัญหาที่เป็นอันตรายต่อชีวิตอีก แม้ว่าชีวิตเราจะมีอุปสรรคปัญหา แต่การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้เราเดินก้าวข้ามอุปสรรคปัญหาไปสู่เป้าหมายที่ถูกต้องได้

Wพระคริสต์เป็นแบบอย่างของชีวิต (Christ is the exemplar of our life.)
     ชีวิตของพระคริสต์คือแบบอย่างที่มนุษย์ต้องยึดถือและปฏิบัติ เพราะเป็นชีวิตแห่งสันติสุข สิ่งที่พระองค์สอนและปฏิบัติ คือสิ่งที่เราต้องเชื่อและปฏิบัติตาม เพราะพระองค์บอกเราว่า เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรายน. 14:6 และนี่คือสิ่งที่ยากที่สุดที่มนุษย์จะปฏิบัติตาม เพราะแบบอย่างพระคริสต์เป็นแบบอย่างความรักและการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นแบบอย่างของความทุกข์ยากลำบากในสายตามนุษย์

    ในเวลาที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์ถูกตรึงบนกางเขน ตายและฟื้นขึ้นมาใหม่นั้น ขอให้เราได้สำรวจตัวเราด้วยว่า เราได้เอาชีวิตแบบพระเยซูคริสต์เข้ามาอยู่ในชีวิตของเราหรือไม่?
    อย่าทำให้ชีวิตพระเยซูคริสต์ตายฟรีบนกางเขนนะครับ J อาเมน

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

คุณค่าที่แท้จริง

คุณค่าที่แท้จริง
“แต่​ว่า​วัน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​นั้น จะ​มาถึง​เหมือน​อย่าง​ขโมย​แอบ​ย่อง​มา และ​ใน​วัน​นั้น ท้องฟ้า​จะ​ล่วง​เสีย​ไป​ด้วย​เสียง​ที่​ดัง​กึกก้อง และ​โลกธาตุ​จะ​สลาย​ไป​ด้วย​ไฟ และ​แผ่นดิน​โลก​กับ​สิ่ง​สารพัด​ที่​มี​อยู่​ใน​โลก​นั้น จะต้อง​ไหม้​เสีย​สิ้น”                                                      2 เปโตร 3:10
               
 พระธรรม ข้อนี้เขียนไว้กว่าสองพันปีแล้ว แต่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ผิดปกติไปจากเดิมที่เกิดขึ้นทุกภูมิภาคทั่วโลกในเวลานี้ น่าจะทำให้เราฉุกคิดได้ว่า สิ่งที่มนุษย์ทั่วโลกกำลังกังวลใจกับความจริงที่กำลังเกิดขึ้น (Inconvenient truth) ว่าโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอย่างผิดปกติอย่างมากนั้น กำลังจะสอดคล้องและเป็นไปตามสิ่งที่ได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ตอนนี้หรือไม่
ถ้าความจริงที่เรากำลังไม่สบายใจจะเกิดขึ้นจริงตามที่ได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ทรัพย์สินเงินทองที่เราดิ้นรน ไขว่คว้า แย่งชิง หามากันทั้งชีวิตจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าทันที เพราะเวลาที่เราพบกับพระเจ้า เราไม่ได้เอาสิ่งเหล่านี้ติดตัวไปด้วย ดังนั้นจะมีประโยชน์อันใดกับการดิ้นรนกระเสือกกระสนหาคุณค่าทางวัตถุในโลกนี้ เพราะ

- No point using limited life to chase unlimited money.
ไม่มีประโยชน์ ที่จะใช้ชีวิตสั้นๆ ที่มีอายุจำกัด ไปไล่ล่าหาเงินที่มีจำนวนไม่จำกัด ตราบเท่าที่ยังมีความโลภอยู่ในใจ

- No point earning so much money you cannot live to spend it.
ไม่มีประโยชน์ ที่จะหาเงินจำนวนมากมายมหาศาล แต่ไม่สามารถมีชีวิตยืนยาวจนใช้เงินที่หามามากมายได้ทั้งหมด

- Money is not yours until you spend it.
เพราะเงินของคุณในบัญชีธนาคารถูกคนอื่นเอาไปใช้ประโยชน์ จนกว่าคุณจะถอนมันออกมาใช้

- No point working so hard to provide for the people you have no time to spend with.
ไม่มีประโยชน์ ที่จะทำงานแสนหนักเพื่อหาเงินให้คนที่คุณไม่มีเวลาอยู่กับเขา เพราะคุณมัวแต่เอาเวลาไปหาเงิน

- When you are young, you use your health to chase your wealth.
-When you are old, you use your wealth to buy back your health.
เมื่อคุณยังหนุ่มสาว คุณใช้สุขภาพของคุณไล่ล่าหาความมั่งคั่ง แต่เมื่อคุณแก่เฒ่า คุณกลับต้องใช้ความมั่งคั่งที่คุณทุ่มเทหามาตลอดเวลา กลับไปซื้อสุขภาพของคุณคืนมา แต่มันมักจะช้าไปเสียแล้วที่จะได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมา

- How happy a man is, is not how much he has but how little he needs.
ความสุขมากน้อยของเรา จึงไม่ใช่จำนวนมากเท่าไหร่ที่เรามี แต่เป็นจำนวนน้อยเท่าไหร่ที่เราต้องการต่างหาก
พระเยซูคริสต์ทรงสอนเศรษฐีหนุ่มที่ถามพระองค์ถึงวิธีการจะได้ชีวิตนิรันดร์ว่า “จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถาแล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามา และเป็นสาวกของเรา” (มัทธิว19:21) สิ่งที่พระองค์ทรงสอนเราคือการไม่ยึดติด กับสิ่งที่เราเข้าใจว่ามีค่า ซึ่งไม่ใช่คุณค่าแท้จริงของชีวิต
Warren Buffet กล่าวว่า “Don’t waste your money on unnecessary things, just spend on them who really in need rather”
 อย่าเสียเงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่ให้ใช้เงินไปกับคนที่มีความจำเป็นมากกว่า
Michael de Montaigne กล่าวว่า “The value of life lies not in the length of days, but in the use we make of them.”
 คุณค่าของชีวิตไม่ได้อยู่ที่ความยาวของวันเวลา แต่อยู่ที่การใช้วันเวลาให้เป็นประโยชน์Jอาเมน

สมชัย ศิริสุจินต์ 20 มีนาคม 2555