วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

มาเลเซียจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว



“The road the righteous travel is like the sunrise, getting brighter and brighter until daylight has come.” Proverbs 4:18


ประเทศมาเลเซียเพื่อบ้านใกล้ชิดทางใต้ของประเทศไทย มีขนาดผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ประมาณ 312.5 พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาต่อปี ได้ตั้งเป้าหมายให้มาเลเซียเป็นประเทศพัฒนาแล้ว (Fully Developed Country) ภายในปี 2020 ภายใต้วิสัยทัศน์ VISION 2020 หรือที่ชาวมาเลเซียเรียกว่า Wawasan 2020 โดยผู้นำประเทศ นายกรัฐมนตรี Dr. Mahathir ได้ประกาศใช้วิสัยทัศน์นี้เมื่อปี 1990 มีจุดหมายมุ่งพัฒนาให้ประเทศมาเลเซียมีความมั่งคั่งและประชาชนมีความสุข สังคมมาเลเซียมีสันติสุข ประชาชนมีรายได้ต่อหัว ประมาณปีละ 15,000 -20,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา

ความหวังของของประเทศมาเลเซียคือ

    • ภายในปี 2020 ประเทศมาเลเซียสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเป็นสังคมที่มีความเชื่อมั่นในค่านิยมทางศีลธรรมและจริยธรรมที่แข็งแรง ดำรงอยู่ในสังคมที่มีประชาธิปไตยที่มีอิสรภาพ และมีความอดทน เป็นสังคมที่มีความห่วงใยเกื้อกูล มีความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ และมีความเท่าเทียมกัน
    • ประเทศมาเลเซียจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างสมบูรณ์ (Fully developed) ต่อเมื่อได้เอาชนะความท้าทายหลัก 9ประการ ที่ประเทศมาเลเซียต้องเผชิญนับตั้งแต่การประกาศอิสรภาพ ซึ่งความท้าทายทั้ง 9 ประการ มีดังต่อไปนี้ 

    • ความท้าทายประการแรกคือความท้าทายของการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศมาเลเซีย (United Malaysian Nation) โดยประชาชนมีความรู้สึกร่วมและมีเป้าหมายร่วมกัน เป็นประเทศที่มีความสงบสุข มีการบูรณาการทางพื้นที่และชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวและเป็นมิตรต่อกันอย่างยุติธรรมเต็มที่ ทำให้เป็นมาเลเซียหนึ่งเดียว (Bangsa Malaysia) โดยมีความภักดีทางการเมือง และอุทิศตนเพื่อประเทศ


    • ความท้าทายประการที่สองคือการสร้างอิสรภาพทางจิตใจ มีความปลอดภัย และพัฒนาสังคมมาเลเซียด้วยความเชื่อและมีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความภูมิใจในสถานะปัจจุบันและสิ่งที่ได้ประสบความสำเร็จ สังคมมาเลเซียต้องเป็นสังคมที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ (Pursuit of excellence) มีความตระหนักอย่างเต็มที่ในศักยภาพ มีความคิดไม่เป็นสองรองจากใคร (Subservient to none) และเป็นที่ยอมรับนับถือของประชาชนประเทศอื่นๆ

    • ความท้าทายประการที่สามที่ประเทศมาเลย์เซียได้เผชิญอยู่ตลอดมาคือการฟูมฟักและพัฒนาให้เป็นสังคมประชาธิปไตยที่มีวุฒิภาวะแล้ว ใช้ประชาธิปไตยด้วยการยอมรับ เป็นประชาธิปไตยบนพื้นฐานชุมชนของมาเลเซียที่สามารถเป็นแบบอย่างสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ

    • ความท้าทายประการที่สี่คือ การสร้างสังคมที่มีศีลธรรมและจริยธรรมอย่างเต็มที่ ซึ่งประชาชนมีความเข้มแข็งทางคุณค่าศาสนาและจิตวิญญาณ และเต็มเปี่ยมด้วยมาตรฐานระดับสูงทางด้านจริยธรรม  

    • ความท้าทายประการที่ห้าที่ประเทศมาเลเซียเผชิญอยู่เสมอคือการสร้างสังคมที่มีวุฒิภาวะ มีอิสระภาพ และมีความอดทน ที่คนมาเลเซียทุกสีผิว ทุกชาติพันธุ์มีอิสรภาพในการปฏิบัติตามวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อทางศาสนา และยังมีความรู้สึกว่าเป็นส่วนในหนึ่งประเทศ 

    • ความท้าทายประการที่หก คือการสร้างสังคมวิทยาศาสตร์ และ มีความก้าวหน้า เป็นสังคมที่มีนวัตกรรมและมองไปข้างหน้า เป็นสังคมที่ไม่เฉพาะเสพย์ใช้เทคโนโลยี แต่เป็นผู้ให้ความศิวิไลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอนาคตด้วย

    • ความท้าทายประการที่เจ็ดคือ การสร้างสังคมที่เกื้อกูลกันและมีวัฒนธรรมที่เอื้ออาทรซึ่งกันและกัน มีระบบสังคมที่ประชาชนเห็นประโยชน์สังคมมาก่อนประโยชน์ของตนเอง โดยมีสวัสดิการความปลอดภัยที่ไม่อยู่เฉพาะในวงภาครัฐหรือปัจเจกบุคคล แต่จะอยู่ที่ความแข็งแร็งและยืดหยุ่นของระบบสังคม 

    • ความท้าทายประการที่แปด คือ การสร้างความมั่นใจว่าจะเป็นสังคมที่มีความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ เป็นสังคมที่มีการกระจายความมั่งคั่งที่ยุติธรรมและเท่าเทียมกัน โดยการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจโดยไม่นำเรื่องชาติพันธุ์ไปเกี่ยวพันกับความก้าวหน้า หรือถอยหลังทางเศรษฐกิจ

·         ความท้าทายประการที่เก้าคือ การสร้างสังคมที่มีความเจริญรุ่งเรือง โดยมีระบบเศรษฐกิจที่สามารถแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์ มีพลวัตร มีความแข็งแกร่ง และสามารถอยู่รอดได้


ปัจจุบันประชาชนชาวมาเลย์เซียมีรายได้ต่อหัวประมาณ 10,500 เหรียญสหรัฐอเมริกาต่อปีแล้ว ใกล้ถึงเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในวิสัยทัศน์

มองย้อนหลังกลับไปเมื่อประมาณ 25 ปีที่ผ่านมา  ประเทศมาเลเซีย มีสภาพใกล้เคียงกับประเทศไทย บางด้านประเทศไทยนำหน้าประเทศมาเลเซียด้วยซ้ำไป แต่มาเลเซียสามารถนำประเทศพัฒนาห่างประเทศไทยไปเรื่อยๆ จนกำลังจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ตามประเทศสิงคโปร์ ที่ไปยืนรอเป็นประเทศพัฒนาแล้วอยู่ล่วงหน้า

Martin Luther King. Jr. กล่าวว่า The ultimate measure of a man is not where he stands in moments of comfort and convenience, but where he stands at times of challenge and controversy.สิ่งที่วัดมนุษย์ได้ดีที่สุดไม่ใช่ที่เวลาที่เขาอยู่ในความสะดวกสบาย แต่อยู่ที่เวลาที่เขาเผชิญความท้าทายและความยุ่งยากสับสน

ที่นำเสนอเรื่องประเทศมาเลเซียในวันนี้ เพื่ออยากให้คนไทยมองประเทศไทยด้วยความรู้สึกรักและห่วงใยประเทศไทยบ้าง

สังคมไทยขณะนี้ยังก้าวไม่พ้นเรื่องการแบ่งแยกทำลายกัน เอาชนะกันด้วยเรื่องเล็กเรื่องน้อย ยังไม่ได้มองอนาคตของประเทศร่วมกัน ด้วยสายตาและความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน

ประเทศไทยยังมีความท้าทายอยู่เบื้องหน้าอีกมาก ที่คนไทยต้องร่วมกันและช่วยกันเอาชนะ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และ สังคมมีสันติสุขในอนาคต

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น