วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

ความสามารถในการแข่งขันของไทย (10)




“Happy is the man who becomes wise- who comes to have understanding.”       Proverbs 3:13


        สัปดาห์ที่แล้ว แอบไปเดินเล่นดูหิมะที่ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น แต่กลับพบชาวไทยกับชาวจีนมากกว่าชาวญี่ปุ่น ตามแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งที่ไปแวะชม แวะกิน แวะซื้อของ ต้องเจอทั้งคนไทยและคนจีนเข้าคิวรอจ่ายเงิน คนจีนเขาเป็นเศรษฐีใหม่รวยจริงซื้อของอย่างกับให้เปล่าไม่ต้องเสียเวลาคิดเลข ดูน่ารักดี ส่วนคนไทยจะซื้อของต้องคิดเลขก่อนว่าเป็นเงินไทยกี่บาทก่อนซื้อ ดูน่าเห็นใจไปอีกแบบ  
ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะน้ำมันเป็นต้นทุนที่แฝงอยู่ในธุรกิจทุกประเภททั้งทางตรงและทางอ้อม ราคาน้ำมันลดลงทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและการบริการลดลง น่าจะมีผลทำให้ราคาสินค้าและบริการลดลงด้วย ผู้บริโภคจ่ายเงินน้อยลงในการซื้อสินค้าและบริการ ทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นการหมุนเวียนเศรษฐกิจให้เคลื่อนไหวมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อราคาน้ำมันลดลง คนจะขับรถเที่ยวมากขึ้น ค่าโดยสารเครื่องบินถูกลงคนจะเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น อย่างที่คนไทยแห่กันไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในเวลานี้ ราคาน้ำมันลดลงน่าจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
        ขออนุญาตนำเสนอเรื่องรากฐานความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อจากตอนที่แล้ว ซึ่งได้นำเสนอรากฐานที่ 7 เรื่องประสิทธิภาพตลาดแรงงานไปแล้ว


 
รากฐาน PILLAR
 
ตัวเพิ่มประสิทธิภาพ
EFFICIENCY ENHANCERS
การศึกษาระดับสูงและการฝึกอบรม
5. Higher education and training
ประสิทธิภาพตลาดสินค้า
6. Goods market efficiency
 
ประสิทธิภาพตลาดแรงงาน
7. Labor market efficiency
 
การพัฒนาตลาดการเงิน
8. Financial market development
ความพร้อมของเทคโนโลยี
9.Technological readiness
ขนาด
ตลาด
10. Market
size
ประเทศ/เศรษฐกิจ
Country/
Economy
 
ตำแหน่งRank
คะแนนScore
ตำแหน่งRank
คะแนนScore
ตำแหน่งRank
คะแนนScore
ตำแหน่งRank
คะแนนScore
ตำแหน่งRank
คะแนนScore
ตำแหน่งRank
คะแนนScore
ตำแหน่งRank
คะแนนScore
Cambodia  
100
3.65
123
2.92
90
4.17
29
4.63
84
3.80
102
3.02
87
3.31
Indonesia
46
4.38
61
4.53
48
4.54
110
3.81
42
4.45
77
3.58
15
5.34
Lao PDR   
107
3.58
110
3.28
59
4.41
34
4.59
101
3.69
115
2.83
121
2.67
Malaysia    
24
4.95
46
4.80
7
5.42
19
4.80
4
5.60
60
4.18
26
4.90
Myanmar 
134
3.11
135
2.44
130
3.68
72
4.21
139
2.58
144
2.07
70
3.70
Philippines  
58
4.27
64
4.45
70
4.32
91
4.03
49
4.37
69
3.78
35
4.68
Singapore  
2
5.68
2
6.09
1
5.64
2
5.69
2
5.84
7
6.09
31
4.71
Thailand  
39
4.53
59
4.58
30
4.74
66
4.24
34
4.61
65
3.94
22
5.09
Vietnam   
74
3.99
96
3.74
78
4.24
49
4.37
90
3.77
99
3.12
34
4.69
 

รากฐานความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่สำคัญประการต่อมาคือรากฐานที่ 8 เรื่อง การพัฒนาตลาดการเงิน (Financial market development) เพราะตลาดการเงินเป็นแหล่งลงทุนของคนมีเงินที่ต้องการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ตอบแทน และตลาดการเงินเป็นแหล่งระดมเงินทุนของผู้ที่ต้องการเงินไปลงทุนทำธุรกิจ โดยใช้เครื่องมือทางการเงินหลายรูปแบบที่มีบริการในตลาดการเงิน ทำให้เงินสามารถไหลไปมาในวงจรเศรษฐกิจผ่านตลาดการเงิน เกิดผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะการลงทุนค้าขายต้องใช้เงินเป็นปัจจัยในการทำธุรกิจ
          ในรากฐานที่ 8 เรื่องการพัฒนาตลาดการเงินนี้ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 34 มีประเทศสิงค์โปร์ จองอันดับที่ 2 ไปอีกแล้ว ติดตามด้วยประเทศมาเลเซียที่ไล่ตามหลังประเทศสิงคโปร์ และหนีห่างประเทศไทยไปอยู่อันดับที่ 4 นำประเทศไทยไปค่อนข้างห่าง ประเทศอื่นๆในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ตามหลังประเทศไทยค่อนข้างห่างเหมือนกัน คือ ประเทศอินโดนีเซีย อยู่อันดับที่ 42 ประเทศฟิลิปปินส์อันดับที่ 49 ประเทศกัมพูชา อันดับที่ 84 ประเทศเวียตนาม อันดับที่ 90 ประเทศลาวอันดับที่ 101 และประเทศเมียร์ม่าร์รั้งท้ายอยู่อันดับที่ 139
          มาพิจารณาว่าประเทศไทยได้อันดับอะไรบ้างในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตลาดการเงิน เพื่อทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศดีขึ้น


รากฐานที่ 8 การพัฒนาตลาดการเงิน (Financial market development)


เรื่อง
คะแนน
Value
อันดับของประเทศไทย
Rank
การมีให้บริการของสถาบันการเงิน
Availability of financial services
5.3
28
ค่าใช้จ่ายที่สามารถจ่ายได้ของบริการทางการเงิน
Affordability of financial services
5.0
35
การใช้แหล่งเงินทุนผ่านตลาดการเงินในท้องถิ่น
Financing through local equity market
4.6
18
ความง่ายต่อการเข้าถึงบริการเงินกู้จากสถาบันการเงิน
Ease of access to loans
3.6
23
โอกาสในการร่วมลงทุน
Venture capital availability
3.0
44
ความน่าเชื่อถือของธนาคาร
Soundness of banks
5.7
37
กฏ ข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์
Regulation of securities exchanges
5.0
27
ดัชนีสิทธิทางกฎหมาย
Legal rights index, 010 (best)*
5
85


           อันดับดีที่สุดของประเทศไทยในเรื่องการพัฒนาธุรกิจการเงินคือเรื่องการใช้แหล่งเงินทุนผ่านตลาดทุนในท้องถิ่น ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 18 ประเทศไทยมีระบบธนาคาร และสถาบันการเงินที่ได้มาตรฐานนานาชาติ มีตลาดหลักทรัพย์ที่ตั้งมานานหลายสิบปีแล้ว ทำให้มีการระดมเงินทุนและมีแหล่งเงินทุนรองรับในประเทศที่ค่อนข้างดี ธนาคารไทยบางแห่งไปเปิดสาขาในต่างประเทศแล้ว ในขณะที่หลายประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกันกำลังพัฒนาระบบการเงิน การธนาคารสู่มาตรฐานนานาชาติ และบางประเทศกำลังจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์
          อันดับที่ดีถัดมาของประเทศไทยคือเรื่องความง่ายต่อการเข้าถึงบริการเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 23 ธนาคารทุกธนาคารมีบริการให้กู้เงินขอให้มีหลักทรัพย์ดีๆหรือคนค้ำประกันแข็งๆ ธนาคารไทยแย่งให้กู้เงินอยู่แล้ว ปัญหาอยู่ที่คนไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันต้องไปหากู้เงินนอกระบบ ส่วนเรื่องกฏ ข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 27 ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีคณะกรรมการ มีกฏระเบียบข้อบังคับควบคุมดีพอสมควร สำหรับเรื่องการมีให้บริการของสถาบันการเงิน ประเทศไทยได้อันดับที่ 28 เรามีธนาคารและสถาบันการเงินหลากหลายกระจายทั่วประเทศ มีบริการทางการเงินเพียบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการใช้บริการทางการเงิน ที่ต้องจ่ายตามที่ธนาคารกำหนด ประเทศไทยได้อันดับที่ 35  ในเรื่อง ความน่าเชื่อถือของธนาคารไทย อยู่ในอันดับที่ 37 ธนาคารในประเทศไทยมีแต่เจริญร่ำรวยขยายสาขากันทั้งนั้น ไม่ค่อยมีธนาคารล้ม ส่วนในเรื่องของโอกาสในการร่วมลงทุน (Venture capital) มีสถาบันการเงินที่ให้บริการเรื่องนี้เหมือนกันแต่ยังไม่ค่อยแพร่หลาย อาจจะเป็นเพราะคนไทยไม่คุ้นเคยกับการลงทุนร่วมกับคนอื่น จึงได้อันดับที่ 44 ส่วนอันดับท้ายสุดของประเทศไทยในเรื่องการพัฒนาตลาดการเงินคือเรื่องดัชนีสิทธิทางกฎหมาย อยู่อันดับที่ 85 คงต้องแก้กฏหมายอีกหลายฉบับเพื่อเปิดกว้างเรื่องสิทธิเท่าเทียมให้คนต่างชาติได้สิทธิเหมือนคนไทยถึงจะได้อันดับดีกว่านี้
           ขอปิดท้ายด้วยคำพูดสวยๆให้คิดดังนี้

Benjamin Franklin ให้ข้อคิดเรื่องความสุขจากการมีเงินว่า Money has never made man happy, nor will it, there is nothing in its nature to produce happiness. The more of it one has the more one wants.เงินไม่เคยทำให้คนมีความสุข หรือจะทำให้มีความสุข เพราะโดยธรรมชาติของเงินไม่มีลักษณะใดจะทำให้เกิดความสุข ยิ่งใครมีเงินมากก็ยิ่งต้องการเงินมากขึ้น

Nelson Mandela ให้คำแนะนำสั้นๆเรื่องเงินว่า Money won't create success, the freedom to make it will.  เงินจะไม่สร้างความสำเร็จ อิสระภาพในการสร้างความสำเร็จต่างหากที่จะทำให้เกิดความสำเร็จ

Jonathan Swift เตือนคนที่หาเงินว่า A wise man should have money in his head, but not in his heartคนมีปัญญาต้องมีเรื่องเงินอยู่ในความคิด แต่ไม่มีเรื่องเงินอยู่ในจิตใจ

ขอให้ฉลาดหาเงินและฉลาดใช้เงินกันนะครับ

 
 
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเป็นเพื่อนทางความคิด และ

ขอบคุณที่ช่วยแนะนำให้เพื่อนอ่านต่อที่


สมชัย ศิริสุจินต์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น