“Wisdom
offers you long life, as well as wealth and honor.
Wisdom can make your life pleasant and lead you safely through it.
Those who become wise are happy; wisdom will give them life.”
Wisdom can make your life pleasant and lead you safely through it.
Those who become wise are happy; wisdom will give them life.”
Proverbs
3:16-18
นาง Julia Gillard นายกรัฐมนตรีประเทศออสเตรเลีย
ประกาศแผนการให้นักเรียนออสเตรเลียทุกคนต้องเรียนภาษาอาเซีย 1 ภาษาเพื่อช่วยให้ประเทศออสเตรเลียสามารถเข้าถึงภูมิภาคอาเซียซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่ผ่านมา
วิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีหญิงผู้นี้มองเห็นว่าจากนี้ไปจะเป็นศตวรรษแห่งอาเซียน
(Asian Century) ภูมิภาคเอเชียมีศักยภาพสูงมากขึ้น มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และมีจะการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องไปอีกในอนาคต
ดังนั้นประเทศออสเตรเลียควรจะให้ความสนใจและเตรียมความพร้อมของคนรุ่นต่อไปของออสเตรเลียให้สามารถเข้าถึงก้าวใหม่ของการเจริญเติบโตของภูมิภาคอาเซียใน
13 ปีข้างหน้านี้
นโยบายทางการศึกษาใหม่ของออสเตรเลียคือโรงเรียนทุกแห่งในประเทศออสเตรเลียจะต้องให้นักเรียนเลือกเรียนหนึ่งใน
4 ภาษาสำคัญซึ่งได้แก่ภาษา
อินโดนีเซีย ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฮินดี และ ภาษาจีน โดยตั้งความหวังว่าเด็กนักเรียนออสเตรเลียรุ่นใหม่ที่เรียนภาษาทั้ง
4 นี้
จะช่วยทำให้ประเทศออสเตรเลียสามารถเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจเข้ากับประเทศต่างๆในภูมิภาคอาเซียได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งโรงเรียนต่างๆในออสเตรเลียขณะนี้กำลังเตรียมตัวที่จะเป็นพันธมิตรกับโรงเรียนต่างๆในภูมิภาคอาเซียมากขึ้น
และสถานีโทรทัศน์ในออสเตรเลียกำลังจะส่งเสริมให้มีรายการข่าวและรายการโทรทัศน์ของอาเซียมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิภาคอาเซียมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งรัฐบาลออสเตรเลียกำลังจะเพิ่มทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาชาวอาเซียเข้ามาศึกษาในประเทศออสเตรเลียมากยิ่งขึ้น
และส่งเสริมให้ผู้บริหารบริษัทธุรกิจในประเทศออสเตรเลียมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการทำงาน(Deep
working knowledge)ของประเทศในภูมิภาคอาเซียมากขึ้น
นาง Gillard กล่าวว่า
นี่เป็นข่าวดีสำหรับประเทศออสเตรเลียและจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการคิดถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลียกับประเทศต่างๆในอาเซีย
นักเรียนชั้นอนุบาลของออสเตรเลียวันนี้จะสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาใน 13
ปีข้างหน้าด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างดีในการทำงานกับประเทศในภูมิภาคอาเซีย
พื้นฐานความคิดของนโยบายนี้คือประเทศออสเตรเลียจะสามารถเก็บเกี่ยวความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจากภูมิภาคอาเซียได้อย่างไรในอนาคต
การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของประเทศออสเตรเลียในช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเป็นผลพวงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียทำให้มีความต้องการวัตถุดิบทางธรรมชาติอย่างมหาศาลเพื่อนำไปผลิตสินค้า
และประเทศออสเตรเลียได้รับประโยชน์จากการเติบโตนี้ค่อนข้างมากจากการขายแร่ธาตุทางธรรมชาติให้แก่ประเทศในภูมิภาคอาเซีย
ทำให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของประเทศออสเตรเลียรับทรัพย์ไปเต็มๆ นักธุรกิจชาวออสเตรเลียเริ่มหันมามองประเทศในภูมิภาคอาเซียด้วยความสนใจมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่รัฐบาลของประเทศออสเตรเลียต้องการเพิ่มมากไปกว่าการขายแร่ธาตุทางธรรมชาติให้แก่ประเทศจีน
คือการหารายได้จากการส่งเสริมการท่องเที่ยว การศึกษา
และการเกษตรแก่ประชาชนชั้นกลาง (Middle
class) ของประเทศจีนที่กำลังขยายตัวอย่างมาก และมีกำลังซื้อมหาศาล
แผนการของนาง Gillard ได้รับการตอบสนองจากนักธุรกิจเป็นอย่างดี
แม้จะมีเสียงติติงบ้างว่าออกจะช้าไปหน่อยที่เพิ่งมาคิดทำเอาในเวลานี้ แต่นาง Gillard
ก็ยกตัวอย่างว่า Fosters beer ได้พยายามเจาะตลาดจีนเมื่อ
20 ปี ก่อนโน้น เวลานี้น่าจะเป็นโอกาสของ Grange ซึ่งเป็น ไวน์ราคาแพงของออสเตรเลียที่จะเข้าไปเจาะตลาดจีน
Professor Andrew Macintyre แห่ง Australia
National University ให้ทัศนะว่า การเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคอาเซียเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มหาศาลมาก
และประเทศออสเตรเลียจะต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วในเข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย
เพราะการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดในภูมิภาคอาเซียนี้ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ
นาง Adrian Vickers ผู้อำนวยการ Asian Studies ของ University of
Sydney เห็นว่าศตวรรษอาเซียได้เริ่มต้นไปแล้ว ดังนั้นประเทศออสเตรเลียจึงมีเรื่องที่ต้องทำอีกมากเพื่อตามการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ทัน
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ในภูมิภาคอาเซียคือสิ่งที่ประเทศออสเตรเลียต้องเผชิญและติดตามให้ทัน
เช่นเดียวกัน British
Council ของประเทศอังกฤษกำลังทำงานเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักเรียนอังกฤษได้เรียนภาษาจีน
เพราะรู้อยู่แล้วว่าประเทศจีนขณะนี้เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก
และประเทศอังกฤษคงจะต้องดำเนินนโยบายเช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลียในการส่งเสริมให้เด็กนักเรียนอังกฤษเรียนภาษาอาเซียเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาจีน
เพื่อเพิ่มความสามารถในการสื่อสาร
Martin Davidson ผู้บริหารของ British Council กล่าวว่าความเจริญรุ่งเรืองของประเทศอังกฤษในอนาคตขึ้นอยู่กับความสามารถในการสื่อสาร
การติดต่อ การสร้างความสัมพันธ์กับคนทั่วโลก
และเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของประเทศจีนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคนหนุ่มสาวของอังกฤษมีความสามารถเข้าใจภาษาจีนและวัฒนธรรมของจีนได้เป็นอย่างดีย่อมเป็นข้อได้เปรียบในการอยู่ในสังคมโลกที่มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนอย่างต่อเนื่องทำให้ประเทศจีนมีจำนวนคนชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้นทุกปี
และมีผลทำให้ประเทศจีนมีการเติบโตของชุมชนเมืองอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ว่าในปี 2020
ประเทศจีนจะมีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านคน
และการเติบโตของคนชั้นกลางในประเทศจีนจะเป็นผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอย่างต่อเนื่อง
เพราะความต้องการสินค้าและบริการภายในประเทศ (Domestic demand) จากคนจีนที่มีฐานะเศรษฐกิจดีขึ้นจะช่วยทำให้ประเทศจีนมีการเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณปีละ
7-8% อย่างต่อเนื่องต่อไปอีก
ขณะนี้อัตราการเป็นสังคมเมือง
(Urbanization
rate) ของประเทศจีนได้ทะลุ 51.3% ไปแล้ว
ซึ่งหมายความว่า คนจีนมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศได้อาศัยอยู่ในเมือง
มากกว่าอยู่ในชนบท ชาวนาชาวสวนจีนที่อยู่ในชนบทกำลังทิ้งบ้านเกิดในชนบทอพยพเข้าไปทำงานในเมืองมากขึ้น
จากการศึกษาของสถาบันการปฏิรูปและการพัฒนาของจีน คาดการณ์ว่าจะมีคนจีนอีก 200 ล้านคนอพยพเข้ามาอยู่ในเมือง
ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40 พันล้านหยวน ($6.3 trillion) ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า เพราะความต้องการสินค้าและบริการของผู้บริโภคภายในประเทศ จะเพิ่มขึ้นเป็น
30 พันล้านหยวน ในปี 2016
ที่นำเรื่องนี้มานำเสนอ
เพื่อต้องการให้คนไทยได้ตระหนักว่า ประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางการศึกษาและเทคโนโลยี
และมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศไทย เช่นประเทศออสเตรเลีย และประเทศอังกฤษ ยังได้ตระหนักถึงอนาคตของประเทศชาติ
ผู้นำรัฐบาล ผู้นำทางการศึกษา ของทั้งสองประเทศ มีความห่วงใยว่าในอนาคตลูกหลานของเขาจะอยู่อย่างไรในสังคมโลกที่มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
ชาวออสเตรเลียและชาวอังกฤษในอดีตที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นความสำคัญของคนอาเซีย
เพราะชาวออสเตรเลียยังมีความรู้สึกผูกพันตนเองกับคนอังกฤษมากกว่าคนอาเซีย ในเวลานี้ทั้งคนอังกฤษและคนออสเตรเลียต้องก้าวข้ามความรู้สึกที่คิดว่าตนเองเป็นชนชาติที่เหนือกว่า
ฉลาด และ เก่งกว่าคนอาเซีย แต่ต้องมองคนอาเซียด้วยสายตาและทัศนะใหม่
เพื่อจะเป็นคู่มิตรทางการค้า การลงทุนทางเศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาคอาเซีย
และมองเห็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศชาติในอนาคตเป็นความสำคัญอันดับแรก
การมีนโยบายส่งเสริมให้นักเรียนต้องเรียนภาษาของอาเซียอย่างน้อย 1 ภาษา นับเป็นการเปลี่ยนแปลงทางความคิดขนาดใหญ่ของสังคมอังกฤษและออสเตรเลีย
จึงเป็นสิ่งน่าชื่นชมที่นายกรัฐมนตรีหญิงของออสเตรเลียกล้าประกาศนโยบายให้เตรียมลูกหลานของเขาให้มีความพร้อมในการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาคอาเซียในอนาคต
สำหรับประเทศไทย ยังมองไม่เห็นสัญญาณความตระหนักที่จะเตรียมลูกหลานของเราให้มีความพร้อมที่จะอยู่ในสังคมโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีการแข่งขันอย่างรุนแรงในอนาคต
ผู้นำประเทศไทยยังไม่ได้ตระหนักถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างมียุทธศาสตร์
ยังไม่ได้เตรียมความพร้อมของลูกหลานไทยไว้แข่งขันกับประเทศต่างๆในอนาคต ผู้นำทางการศึกษายังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติอย่างที่ผู้นำประเทศออสเตรเลียได้ประกาศไปแล้ว
จึงรู้สึกเป็นห่วงอนาคตประเทศไทย เพราะถ้าเราไม่เริ่มต้นในวันนี้แล้วเราจะไปเริ่มในวันไหน
Mitt Romney กล่าวว่า
“Leadership is about taking responsibility, not making excuses.” ความเป็นผู้นำ คือ การรับผิดชอบ ไม่ใช่การแก้ตัว
Henry ford กล่าวว่า
“Don’t find fault, find a remedy.” อย่าหาความผิด
ให้หาทางเยียวยา
ถ้าผู้นำของประเทศไทย
และผู้นำทางการศึกษาของไทยยังไม่มีความตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนที่มีต่อการเตรียมความพร้อมของประเทศ
เรากำลังส่งลูกหลานของเราให้เป็นเหยื่อทางเศรษฐกิจในอนาคต
ถ้าผู้นำของประเทศไทยและผู้นำในสังคมไทยยังไม่สามารถก้าวข้ามการหาความผิดของแต่ละฝ่าย
ไปสู่การเยียวยาให้เกิดความสันติสุขในสังคมอย่างแท้จริง และมุ่งหน้าเตรียมอนาคตให้ลูกหลานของเรา
อนาคตของประเทศไทยคงจะยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ และ เรากำลังทำลายโอกาสของลูกหลานเราในอนาคต
Asian century แล้วประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้างในอนาคต??
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น