วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

Asian Century


 Wisdom offers you long life, as well as wealth and honor.
 Wisdom can make your life pleasant and lead you safely through it.
  Those who become wise are happy; wisdom will give them life.  

                                                                                             Proverbs 3:16-18 

นาง Julia Gillard นายกรัฐมนตรีประเทศออสเตรเลีย ประกาศแผนการให้นักเรียนออสเตรเลียทุกคนต้องเรียนภาษาอาเซีย 1 ภาษาเพื่อช่วยให้ประเทศออสเตรเลียสามารถเข้าถึงภูมิภาคอาเซียซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่ผ่านมา
วิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีหญิงผู้นี้มองเห็นว่าจากนี้ไปจะเป็นศตวรรษแห่งอาเซียน (Asian Century) ภูมิภาคเอเชียมีศักยภาพสูงมากขึ้น มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และมีจะการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องไปอีกในอนาคต ดังนั้นประเทศออสเตรเลียควรจะให้ความสนใจและเตรียมความพร้อมของคนรุ่นต่อไปของออสเตรเลียให้สามารถเข้าถึงก้าวใหม่ของการเจริญเติบโตของภูมิภาคอาเซียใน 13 ปีข้างหน้านี้
นโยบายทางการศึกษาใหม่ของออสเตรเลียคือโรงเรียนทุกแห่งในประเทศออสเตรเลียจะต้องให้นักเรียนเลือกเรียนหนึ่งใน 4 ภาษาสำคัญซึ่งได้แก่ภาษา อินโดนีเซีย ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฮินดี และ ภาษาจีน โดยตั้งความหวังว่าเด็กนักเรียนออสเตรเลียรุ่นใหม่ที่เรียนภาษาทั้ง 4  นี้ จะช่วยทำให้ประเทศออสเตรเลียสามารถเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจเข้ากับประเทศต่างๆในภูมิภาคอาเซียได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต  ซึ่งโรงเรียนต่างๆในออสเตรเลียขณะนี้กำลังเตรียมตัวที่จะเป็นพันธมิตรกับโรงเรียนต่างๆในภูมิภาคอาเซียมากขึ้น และสถานีโทรทัศน์ในออสเตรเลียกำลังจะส่งเสริมให้มีรายการข่าวและรายการโทรทัศน์ของอาเซียมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิภาคอาเซียมากยิ่งขึ้น รวมทั้งรัฐบาลออสเตรเลียกำลังจะเพิ่มทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาชาวอาเซียเข้ามาศึกษาในประเทศออสเตรเลียมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมให้ผู้บริหารบริษัทธุรกิจในประเทศออสเตรเลียมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการทำงาน(Deep working knowledge)ของประเทศในภูมิภาคอาเซียมากขึ้น
นาง Gillard กล่าวว่า นี่เป็นข่าวดีสำหรับประเทศออสเตรเลียและจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการคิดถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลียกับประเทศต่างๆในอาเซีย นักเรียนชั้นอนุบาลของออสเตรเลียวันนี้จะสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาใน 13 ปีข้างหน้าด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างดีในการทำงานกับประเทศในภูมิภาคอาเซีย พื้นฐานความคิดของนโยบายนี้คือประเทศออสเตรเลียจะสามารถเก็บเกี่ยวความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจากภูมิภาคอาเซียได้อย่างไรในอนาคต

การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของประเทศออสเตรเลียในช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเป็นผลพวงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียทำให้มีความต้องการวัตถุดิบทางธรรมชาติอย่างมหาศาลเพื่อนำไปผลิตสินค้า และประเทศออสเตรเลียได้รับประโยชน์จากการเติบโตนี้ค่อนข้างมากจากการขายแร่ธาตุทางธรรมชาติให้แก่ประเทศในภูมิภาคอาเซีย ทำให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของประเทศออสเตรเลียรับทรัพย์ไปเต็มๆ นักธุรกิจชาวออสเตรเลียเริ่มหันมามองประเทศในภูมิภาคอาเซียด้วยความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่รัฐบาลของประเทศออสเตรเลียต้องการเพิ่มมากไปกว่าการขายแร่ธาตุทางธรรมชาติให้แก่ประเทศจีน คือการหารายได้จากการส่งเสริมการท่องเที่ยว การศึกษา และการเกษตรแก่ประชาชนชั้นกลาง (Middle class) ของประเทศจีนที่กำลังขยายตัวอย่างมาก และมีกำลังซื้อมหาศาล
            แผนการของนาง Gillard ได้รับการตอบสนองจากนักธุรกิจเป็นอย่างดี แม้จะมีเสียงติติงบ้างว่าออกจะช้าไปหน่อยที่เพิ่งมาคิดทำเอาในเวลานี้ แต่นาง Gillard ก็ยกตัวอย่างว่า Fosters beer ได้พยายามเจาะตลาดจีนเมื่อ 20 ปี ก่อนโน้น เวลานี้น่าจะเป็นโอกาสของ Grange ซึ่งเป็น ไวน์ราคาแพงของออสเตรเลียที่จะเข้าไปเจาะตลาดจีน
Professor Andrew Macintyre แห่ง Australia National University ให้ทัศนะว่า การเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคอาเซียเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มหาศาลมาก และประเทศออสเตรเลียจะต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วในเข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดในภูมิภาคอาเซียนี้ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ
นาง Adrian Vickers ผู้อำนวยการ Asian Studies ของ University of Sydney เห็นว่าศตวรรษอาเซียได้เริ่มต้นไปแล้ว ดังนั้นประเทศออสเตรเลียจึงมีเรื่องที่ต้องทำอีกมากเพื่อตามการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ทัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในภูมิภาคอาเซียคือสิ่งที่ประเทศออสเตรเลียต้องเผชิญและติดตามให้ทัน
เช่นเดียวกัน British Council ของประเทศอังกฤษกำลังทำงานเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักเรียนอังกฤษได้เรียนภาษาจีน เพราะรู้อยู่แล้วว่าประเทศจีนขณะนี้เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก และประเทศอังกฤษคงจะต้องดำเนินนโยบายเช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลียในการส่งเสริมให้เด็กนักเรียนอังกฤษเรียนภาษาอาเซียเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาจีน เพื่อเพิ่มความสามารถในการสื่อสาร
Martin Davidson ผู้บริหารของ British Council กล่าวว่าความเจริญรุ่งเรืองของประเทศอังกฤษในอนาคตขึ้นอยู่กับความสามารถในการสื่อสาร การติดต่อ การสร้างความสัมพันธ์กับคนทั่วโลก และเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของประเทศจีนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคนหนุ่มสาวของอังกฤษมีความสามารถเข้าใจภาษาจีนและวัฒนธรรมของจีนได้เป็นอย่างดีย่อมเป็นข้อได้เปรียบในการอยู่ในสังคมโลกที่มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนอย่างต่อเนื่องทำให้ประเทศจีนมีจำนวนคนชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้นทุกปี และมีผลทำให้ประเทศจีนมีการเติบโตของชุมชนเมืองอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ว่าในปี 2020 ประเทศจีนจะมีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านคน และการเติบโตของคนชั้นกลางในประเทศจีนจะเป็นผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการสินค้าและบริการภายในประเทศ (Domestic demand) จากคนจีนที่มีฐานะเศรษฐกิจดีขึ้นจะช่วยทำให้ประเทศจีนมีการเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณปีละ 7-8% อย่างต่อเนื่องต่อไปอีก
ขณะนี้อัตราการเป็นสังคมเมือง (Urbanization rate) ของประเทศจีนได้ทะลุ 51.3% ไปแล้ว ซึ่งหมายความว่า คนจีนมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศได้อาศัยอยู่ในเมือง มากกว่าอยู่ในชนบท ชาวนาชาวสวนจีนที่อยู่ในชนบทกำลังทิ้งบ้านเกิดในชนบทอพยพเข้าไปทำงานในเมืองมากขึ้น จากการศึกษาของสถาบันการปฏิรูปและการพัฒนาของจีน คาดการณ์ว่าจะมีคนจีนอีก 200 ล้านคนอพยพเข้ามาอยู่ในเมือง ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40 พันล้านหยวน ($6.3 trillion) ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า เพราะความต้องการสินค้าและบริการของผู้บริโภคภายในประเทศ จะเพิ่มขึ้นเป็น 30 พันล้านหยวน ในปี 2016
ที่นำเรื่องนี้มานำเสนอ เพื่อต้องการให้คนไทยได้ตระหนักว่า ประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางการศึกษาและเทคโนโลยี และมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศไทย เช่นประเทศออสเตรเลีย และประเทศอังกฤษ ยังได้ตระหนักถึงอนาคตของประเทศชาติ ผู้นำรัฐบาล ผู้นำทางการศึกษา ของทั้งสองประเทศ มีความห่วงใยว่าในอนาคตลูกหลานของเขาจะอยู่อย่างไรในสังคมโลกที่มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
ชาวออสเตรเลียและชาวอังกฤษในอดีตที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นความสำคัญของคนอาเซีย เพราะชาวออสเตรเลียยังมีความรู้สึกผูกพันตนเองกับคนอังกฤษมากกว่าคนอาเซีย ในเวลานี้ทั้งคนอังกฤษและคนออสเตรเลียต้องก้าวข้ามความรู้สึกที่คิดว่าตนเองเป็นชนชาติที่เหนือกว่า ฉลาด และ เก่งกว่าคนอาเซีย แต่ต้องมองคนอาเซียด้วยสายตาและทัศนะใหม่ เพื่อจะเป็นคู่มิตรทางการค้า การลงทุนทางเศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาคอาเซีย และมองเห็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศชาติในอนาคตเป็นความสำคัญอันดับแรก การมีนโยบายส่งเสริมให้นักเรียนต้องเรียนภาษาของอาเซียอย่างน้อย 1 ภาษา นับเป็นการเปลี่ยนแปลงทางความคิดขนาดใหญ่ของสังคมอังกฤษและออสเตรเลีย จึงเป็นสิ่งน่าชื่นชมที่นายกรัฐมนตรีหญิงของออสเตรเลียกล้าประกาศนโยบายให้เตรียมลูกหลานของเขาให้มีความพร้อมในการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาคอาเซียในอนาคต
สำหรับประเทศไทย ยังมองไม่เห็นสัญญาณความตระหนักที่จะเตรียมลูกหลานของเราให้มีความพร้อมที่จะอยู่ในสังคมโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีการแข่งขันอย่างรุนแรงในอนาคต ผู้นำประเทศไทยยังไม่ได้ตระหนักถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างมียุทธศาสตร์ ยังไม่ได้เตรียมความพร้อมของลูกหลานไทยไว้แข่งขันกับประเทศต่างๆในอนาคต ผู้นำทางการศึกษายังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติอย่างที่ผู้นำประเทศออสเตรเลียได้ประกาศไปแล้ว จึงรู้สึกเป็นห่วงอนาคตประเทศไทย เพราะถ้าเราไม่เริ่มต้นในวันนี้แล้วเราจะไปเริ่มในวันไหน
Mitt Romney กล่าวว่า “Leadership is about taking responsibility, not making excuses.” ความเป็นผู้นำ คือ การรับผิดชอบ ไม่ใช่การแก้ตัว
Henry ford กล่าวว่า “Don’t find fault, find a remedy.” อย่าหาความผิด ให้หาทางเยียวยา
ถ้าผู้นำของประเทศไทย และผู้นำทางการศึกษาของไทยยังไม่มีความตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนที่มีต่อการเตรียมความพร้อมของประเทศ เรากำลังส่งลูกหลานของเราให้เป็นเหยื่อทางเศรษฐกิจในอนาคต
ถ้าผู้นำของประเทศไทยและผู้นำในสังคมไทยยังไม่สามารถก้าวข้ามการหาความผิดของแต่ละฝ่าย ไปสู่การเยียวยาให้เกิดความสันติสุขในสังคมอย่างแท้จริง และมุ่งหน้าเตรียมอนาคตให้ลูกหลานของเรา อนาคตของประเทศไทยคงจะยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ และ เรากำลังทำลายโอกาสของลูกหลานเราในอนาคต
Asian century แล้วประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้างในอนาคต??

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น