“The mount
of the righteous bring forth wisdom; but the perverse tongue shall be cut off.”
             Proverbs
10:31
ได้เขียนเรื่องความสามารถในการแข่งขันของไทยไปแล้ว
2 ตอน ต้องขอบอกก่อนว่าข้อมูลที่นำมาเขียนได้มาจากรายงานชื่อ
Insight Report; The
Global Competitiveness Report 2014-2015 โดย Klaus
Schwab, World Economic Forum ซึ่งมีความหนา 565 หน้า เป็นรายงานการศึกษาประเด็นเศรษฐกิจ
สังคมและการเมืองของประเทศต่างๆทั่วโลก 144 ประเทศ
เสียดายที่ข้อมูลประเทศ Brunei Darussalam
ที่อยู่ในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนยังไม่ครบถ้วนจึงยังไม่ได้รวมอยู่ในรายงานนี้
ข้อมูลที่เขานำมาศึกษามาจากหน่วยงานสถาบันนานาชาติที่คนยอมรับทั่วโลก เช่น UNESCO, IMF และ WHO  รายงานนี้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์และนำไปวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป
ตั้งใจนำเรื่องความสามารถในการแข่งขันของประเทศมาเขียนต่อเนื่องเพราะอยากจะให้คนไทยสนใจเรื่องข้อมูลของประเทศตนเองและประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น
ประเทศไทยอยู่ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงต้องรู้ว่าในเวลานี้ประเทศไทยเป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
และนานาชาติ เท่าที่ติดตามเรื่องอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
จะมีข่าวว่าประเทศไทยมีอันดับที่ดีขึ้นหรือลดลงกี่อันดับเมื่อมีการเผยแพร่ Review
of the Global Competitiveness Index อยู่ไม่กี่วันแล้วก็เงียบหายไป
ไม่ค่อยได้เห็นความสนใจอย่างจริงจัง หรือมีการพูดถึงรายละเอียดเพิ่มเติมกันมากนัก
ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนต้องสนใจ
และศึกษาเพื่อช่วยกันพัฒนาแก้ไขจุดอ่อน
และส่งเสริมสนับสนุนจุดแข็งความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
วันนี้จึงขอนำเสนออันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศประจำปี 2014-2015 (The Global
Competitiveness Index 2014–2015) โดยขอนำเสนอเฉพาะอันดับที่ 1 ถึง 30 และอันดับของประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน (AEC) มาให้ท่านพิจารณา ถ้าท่านต้องการทราบอันดับความสามารถในการแข่งขันของทั้ง
144 ประเทศ ท่านสามารถเข้าไปศึกษาได้ในรายงานที่แนะนำไว้ข้างต้นครับ
ตารางแสดงอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศปี
2014-2015
| 
   
Country/Economy 
ประเทศ/เศรษฐกิจ 
 | 
  
   
Rank  
(out of 144) 
อันดับ  
(จาก 144)  
 | 
  
   
Score  
(1–7) 
คะแนน  
(1-7)  
 | 
  
   
GCI 2013–
  2014 
อันดับเมื่อปี  
2013-2014 
 | 
 
| 
   
Switzerland 
 | 
  
   
1 
 | 
  
   
5.70 
 | 
  
   
1 
 | 
 
| 
   
Singapore 
 | 
  
   
2 
 | 
  
   
5.65 
 | 
  
   
2 
 | 
 
| 
   
United
  States 
 | 
  
   
3 
 | 
  
   
5.54 
 | 
  
   
5 
 | 
 
| 
   
Finland 
 | 
  
   
4 
 | 
  
   
5.50 
 | 
  
   
3 
 | 
 
| 
   
Germany 
 | 
  
   
5 
 | 
  
   
5.49 
 | 
  
   
4 
 | 
 
| 
   
Japan 
 | 
  
   
6 
 | 
  
   
5.47 
 | 
  
   
9 
 | 
 
| 
   
Hong
  Kong SAR 
 | 
  
   
7 
 | 
  
   
5.46 
 | 
  
   
7 
 | 
 
| 
   
Netherlands 
 | 
  
   
8 
 | 
  
   
5.45 
 | 
  
   
8 
 | 
 
| 
   
United
  Kingdom 
 | 
  
   
9 
 | 
  
   
5.41 
 | 
  
   
10 
 | 
 
| 
   
Sweden 
 | 
  
   
10 
 | 
  
   
5.41 
 | 
  
   
6 
 | 
 
| 
   
Norway 
 | 
  
   
11 
 | 
  
   
5.35 
 | 
  
   
11 
 | 
 
| 
   
United
  Arab Emirates 
 | 
  
   
12 
 | 
  
   
5.33 
 | 
  
   
19 
 | 
 
| 
   
Denmark 
 | 
  
   
13 
 | 
  
   
5.29 
 | 
  
   
15 
 | 
 
| 
   
Taiwan,
  China 
 | 
  
   
14 
 | 
  
   
5.25 
 | 
  
   
12 
 | 
 
| 
   
Canada 
 | 
  
   
15 
 | 
  
   
5.24 
 | 
  
   
14 
 | 
 
| 
   
Qatar 
 | 
  
   
16 
 | 
  
   
5.24 
 | 
  
   
13 
 | 
 
| 
   
New
  Zealand 
 | 
  
   
17 
 | 
  
   
5.20 
 | 
  
   
18 
 | 
 
| 
   
Belgium 
 | 
  
   
18 
 | 
  
   
5.18 
 | 
  
   
17 
 | 
 
| 
   
Luxembourg 
 | 
  
   
19 
 | 
  
   
5.17 
 | 
  
   
22 
 | 
 
| 
   
Malaysia 
 | 
  
   
20 
 | 
  
   
5.16 
 | 
  
   
24 
 | 
 
| 
   
Austria 
 | 
  
   
21 
 | 
  
   
5.16 
 | 
  
   
16 
 | 
 
| 
   
Australia 
 | 
  
   
22 
 | 
  
   
5.08 
 | 
  
   
21 
 | 
 
| 
   
France 
 | 
  
   
23 
 | 
  
   
5.08 
 | 
  
   
23 
 | 
 
| 
   
Saudi
  Arabia 
 | 
  
   
24 
 | 
  
   
5.06 
 | 
  
   
20 
 | 
 
| 
   
Ireland 
 | 
  
   
25 
 | 
  
   
4.98 
 | 
  
   
28 
 | 
 
| 
   
Korea,
  Rep. 
 | 
  
   
26 
 | 
  
   
4.96 
 | 
  
   
25 
 | 
 
| 
   
Israel 
 | 
  
   
27 
 | 
  
   
4.95 
 | 
  
   
27 
 | 
 
| 
   
China 
 | 
  
   
28 
 | 
  
   
4.89 
 | 
  
   
29 
 | 
 
| 
   
Estonia 
 | 
  
   
29 
 | 
  
   
4.71 
 | 
  
   
32 
 | 
 
| 
   
Iceland 
 | 
  
   
30 
 | 
  
   
4.71 
 | 
  
   
31 
 | 
 
| 
   
Thailand 
 | 
  
   
31 
 | 
  
   
4.66 
 | 
  
   
37 
 | 
 
| 
   
Indonesia 
 | 
  
   
34 
 | 
  
   
4.57 
 | 
  
   
38 
 | 
 
| 
   
Philippines   
 | 
  
   
52 
 | 
  
   
4.40 
 | 
  
   
59 
 | 
 
| 
   
Vietnam    
 | 
  
   
68 
 | 
  
   
4.23 
 | 
  
   
70 
 | 
 
| 
   
Lao PDR  
 | 
  
   
93 
 | 
  
   
3.91 
 | 
  
   
81 
 | 
 
| 
   
Cambodia    
 | 
  
   
95 
 | 
  
   
3.89 
 | 
  
   
88 
 | 
 
| 
   
Myanmar  
 | 
  
   
134 
 | 
  
   
3.24 
 | 
  
   
139 
 | 
 
เมื่อดูอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ด้วยกันแล้ว ประเทศสิงคโปร์
ยังคงรักษาอันดับความสามารถในการแข่งขันอยู่ในอันดับที่ 2 ได้เหมือนเดิม
เช่นเดียวกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่ยังครองแชมป์ประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันอยู่ในอันดับที่
1 ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ประเทศมาเลเซียไต่ขึ้นไปอยู่ที่อันดับที่
20 ดีกว่าเดิมที่อยู่อันดับ 24 โดยมีประเทศไทยไล่หลังมาอยู่อันดับที่
31 ดีกว่าเดิมที่อยู่ในอันดับที่ 37 ประเทศอินโดนีเซียจี้ตามประเทศไทยมาติดๆอยู่ในอันดับที่
34 ดีกว่าเดิมที่อยู่ในอันดับที่ 38
ประเทศฟิลิปปินส์อยู่อันดับ 52 ดีกว่าเดิมที่อยู่อันดับที่ 59 ประเทศเวียตนามอยู่ที่อันดับ 68 ดีกว่าเดิมที่อยู่ที่อันดับ
70 ส่วนประเทศลาวอยู่อันดับที่ 93 แย่กว่าเดิมที่อยู่ที่อันดับ
81 เช่นเดียวกับประเทศกัมพูชาที่เดิมอยู่ที่อันดับ 88
ปีนี้หล่นลงมาอยู่ที่อันดับ 95 สำหรับประเทศพม่าดีขึ้นจากที่เคยอยู่ในอันดับที่
139 พัฒนาขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 134
โดยภาพรวมประเทศในกลุ่ม AEC มีการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น
ยกเว้นเพียงประเทศลาวและกัมพูชา ที่อันดับลดลง
การที่ประเทศต่างๆถูกจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันให้ดีขึ้นหรือแย่ลง
เขาดูจากคะแนนของรากฐานความแข็งแรงของความสามารถในการแข่งขัน 12
ด้าน และการมีปัจจัยที่ส่งเสริมสนับสนุนให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น
ซึ่งได้เขียนอธิบายไปใน 2 ตอนที่แล้ว แต่ละรากฐาน (Pillar)
มีความสำคัญและส่งเสริมต่อกันในการพัฒนาความสามารถในการแข่งของประเทศในปัจจุบันไปสู่อนาคต
ตารางแสดงอันดับความสามารถในการแข่งขันโดยรวม
กับอันดับความสามารถในการแข่งขัน
ในด้าน ปัจจัยความต้องการพื้นฐาน  ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
 นวัตกรรมและความช่ำชอง
| 
   
ดรรชนีโดยรวม 
Overall Index 
 | 
  
   
ปัจจัยต้องการพื้นฐานBasic
  requirements 
 | 
  
   
ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 
Efficiency enhancers 
 | 
  
   
นวัตกรรมและความช่ำชอง 
Innovation and sophistication 
 | 
 ||||||
| 
   
ประเทศ/เศรษฐกิจCountry/Economy 
 | 
  
   
ตำแหน่งRank 
 | 
  
   
คะแนนScore 
 | 
  
   
ตำแหน่งRank 
 | 
  
   
คะแนนScore 
 | 
  
   
ตำแหน่งRank 
 | 
  
   
คะแนนScore 
 | 
  
   
ตำแหน่งRank 
 | 
  
   
คะแนน 
Score 
 | 
 |
| 
   
Singapore 
 | 
  
   
2 
 | 
  
   
5.65 
 | 
  
   
1 
 | 
  
   
6.34 
 | 
  
   
2 
 | 
  
   
5.68 
 | 
  
   
11 
 | 
  
   
5.13 
 | 
 |
| 
   
Malaysia
   
 | 
  
   
20 
 | 
  
   
5.16 
 | 
  
   
23 
 | 
  
   
5.53 
 | 
  
   
24 
 | 
  
   
4.95 
 | 
  
   
17 
 | 
  
   
4.95 
 | 
 |
| 
   
Thailand
   
 | 
  
   
31 
 | 
  
   
4.66 
 | 
  
   
40 
 | 
  
   
5.01 
 | 
  
   
39 
 | 
  
   
4.53 
 | 
  
   
54 
 | 
  
   
3.84 
 | 
 |
| 
   
Indonesia
   
 | 
  
   
34 
 | 
  
   
4.57 
 | 
  
   
46 
 | 
  
   
4.91 
 | 
  
   
46 
 | 
  
   
4.38 
 | 
  
   
30 
 | 
  
   
4.20 
 | 
 |
| 
   
Philippines    
 | 
  
   
52 
 | 
  
   
4.40 
 | 
  
   
66 
 | 
  
   
4.63 
 | 
  
   
58 
 | 
  
   
4.27 
 | 
  
   
48 
 | 
  
   
3.90 
 | 
 |
| 
   
Vietnam   
 | 
  
   
68 
 | 
  
   
4.23 
 | 
  
   
79 
 | 
  
   
4.44 
 | 
  
   
74 
 | 
  
   
3.99 
 | 
  
   
98 
 | 
  
   
3.35 
 | 
 |
| 
   
Lao
  PDR   
 | 
  
   
93 
 | 
  
   
3.91 
 | 
  
   
98 
 | 
  
   
4.13 
 | 
  
   
107 
 | 
  
   
3.58 
 | 
  
   
80 
 | 
  
   
3.51 
 | 
 |
| 
   
Cambodia    
 | 
  
   
95 
 | 
  
   
3.89 
 | 
  
   
103 
 | 
  
   
4.09 
 | 
  
   
100 
 | 
  
   
3.65 
 | 
  
   
116 
 | 
  
   
3.15 
 | 
 |
| 
   
Myanmar
   
 | 
  
   
134 
 | 
  
   
3.24 
 | 
  
   
132 
 | 
  
   
3.36 
 | 
  
   
134 
 | 
  
   
3.11 
 | 
  
   
139 
 | 
  
   
2.62 
 | 
 |
ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันโดยรวมอยู่อันดับที่
31
ในจำนวน 144 ประเทศ
และมีความสามารถในการแข่งขันเรื่องปัจจัยพื้นฐาน อยู่ในอันดับที่ 40 แพ้ประเทศสิงคโปร์ที่อยู่ในอันดับ 1 และประเทศมาเลเซียที่อยู่ในอันดับ
24 ส่วนเรื่องความสามารถในการแข่งขันด้านปัจจัยเพิ่มประสิทธิภาพ
ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 39 ประเทศมาเลเซียอยู่อันดับที่ 24
ประเทศสิงคโปร์อยู่อันดับ 2 และความสามารถในการแข่งขันเรื่องนวัตกรรมและความช่ำชอง
ประเทศไทยหล่นลงไปอยู่อันดับ 54 ในขณะที่ ประเทศมาเลเซีย
อยู่ลำดับที่ 17 ประเทศสิงคโปร์อยู่ลำดับที่ 11 ความสามารถในการแข่งขันด้านนี้ประเทศไทยน่าเป็นห่วงเพราะยังแพ้ประเทศอินโดนีเซียที่อยู่ในอันดับที่  30 และ ประเทศฟิลิปปินส์ที่อยู่ในอำดับที่
48 ประเทศไทยจะต้องรีบทำการแก้ไขความสามารถในการแข่งขันในเรื่องการมีนวัตกรรมและสร้างความช่ำชองเชี่ยวชาญให้ดีขึ้น
เพื่อสามารถก้าวขึ้นไปผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น มีนวัตกรรมใหม่ มีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน
สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และทำรายได้ให้มากขึ้น
            ที่นำเรื่องอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยมานำเสนอเพราะเป็นเรื่องสำคัญและเกี่ยวข้องกับอนาคตของประเทศ
ถ้าความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ยังพัฒนาช้ากว่าประเทศอื่นๆ
ลูกหลานของเราในอนาคตจะอยู่อย่างลำบาก เมื่อไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ 
เมื่อ 30
ปีก่อน ประเทศไทย กับประเทศมาเลเซีย มีระดับการศึกษา ระดับเศรษฐกิจ ระดับความสามารถในการผลิตอยู่ในระดับเดียวกัน
การผลิตบางด้านประเทศไทยนำหน้าประเทศมาเลเซียด้วยซ้ำไป แต่ปัจจุบันนี้
ประเทศมาเลเซียนำหน้าประเทศไทยไปมากพอสมควรแล้ว และมีประเทศที่ตามหลังประเทศไทยอย่างห่างไกลในอดีต
กำลังขยับเข้ามาใกล้ประเทศไทยมากขึ้น ถ้าเราไม่เร่งการพัฒนาความสามารถของประเทศในเวลานี้
เราจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ
Jack Welch ผู้นำและนักบริหารที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งซึ่งนักบริหารทั่วโลกโลกชื่นชมกล่าวว่า
“If you don't have a competitive advantage, don't compete.” ถ้าคุณไม่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน อย่าแข่ง
คำพูดนี้แรงและจริง
แต่ประเทศไทยไม่สามารถอยู่โดยไม่แข่งขันกับประเทศอื่นได้นะครับ
ขอบคุณที่อ่านและช่วยเผยแพร่
แนะนำให้เพื่อนอ่าน
สมชัย ศิริสุจินต์