บทส่งท้ายปี 2560
“The Lord takes pleasure in his people: he
honors the humble with victory.” Psalm 149:4
ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ได้ผ่านเข้ามาอ่าน Blog ที่ผมเขียน
และต้องขออภัยท่านผู้อ่านที่ติดตามเรื่องที่ผมเขียนที่ปีนี้ผมเขียนน้อยลงมาก เนื่องจากเป็นปีแห่งการสูญเสียพระมหากษัตริย์ที่ปวงชนชาวไทยเคารพรักและชื่นชมในพระบารมีของพระองค์ที่ทรงเสียสละอย่างมากตลอดเวลาที่พระองค์ทรงครองแผ่นดินอย่างเป็นธรรมเพื่อความสุขที่มากขึ้นของประชาชนชาวไทยและความเจริญที่มากขึ้นของประเทศไทย
เรื่องราวทั่วไปในสังคมของประเทศไทยที่พูดกันมากในปีนี้คือเรื่อง
Thailand
4.0 แต่ความก้าวหน้าในเรื่องนี้มีให้เห็นเป็นรูปธรรมไม่มากนัก
ยังคงเป็นแค่กระแสวาทะกรรมที่พูดกันอย่างผิวเผิน
คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจในรายละเอียดด้านลึกของเรื่องการปรับตัวของประเทศไทยมากนัก
คงกำลังรอให้มีระบบการเมืองปกติเข้ามาก่อนหรือเปล่าไม่ทราบ?
ส่วนเรื่องที่น่ากังวลสำหรับสังคมไทยในเวลานี้และต่อเนื่องไปในอนาคตอันใกล้คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีที่มีผลอย่างเฉียบพลันทำให้วิธีทำธุรกิจด้วยเทคโนโลยีเดิมไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้
ที่เรียกว่า Disruptive Technology ซึ่งเวลานี้เราได้เห็นผลเกิดขึ้นแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างค่อนข้างชัดเจน
เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Kodak
ล้มเมื่อหลายปีก่อน ก็เป็นกระแสกรณีศึกษาทั้งผู้บริหารในองค์กรต่างๆและนักศึกษาสาขาการบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลก
และสรุปกันว่าที่ Kodak ล้มเป็นเพราะผู้บริหารองค์กรไม่ยอมปรับตัวและเพราะคนในองค์กรยึดติดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอดีตขององค์กรมากจนเกินไปและไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องเทคโนโลยีใหม่เท่าที่ควร
ทั้งที่เป็นโอกาสและภัยคุกคาม ทำให้ Kodak พลาดโอกาสในการป้องกันตัวและพลาดโอกาสในการปรับตัวเข้าไปใช้ประโยชน์ในเทคโนโลยีใหม่
ในขณะที่บริษัทคู่แข่งเช่น Fuji Film จากญี่ปุ่นแม้จะอยู่ห่างชั้นกว่าในตลาดสินค้าเดียวกัน
แต่ Fuji Film รีบปรับตัวก่อนจึงสามารถปรับตัวได้ทันเวลา ทำให้ยังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงปัจจุบัน
แต่มาถึงปีนี้ปรากฏว่ามีบริษัทใหญ่ๆในสหรัฐอเมริกาปิดธุรกิจกันอีกมากมาย
Business Insider รายงานว่าปี 2017 มีบริษัทที่ทำธุรกิจห้างสรรพสินค้าของสหรัฐอเมริกา
ปิดกิจการไปแล้วมากกว่า 6,400 แห่ง
มาดูความเคลื่อนไหวในบ้านเราบ้าง น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ปิด สาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนของปีนี้
ธนาคารพาณิชย์ปิดสาขาไปแล้ว 175 สาขา หรือมีสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 6,841 สาขา จากสิ้นปีก่อนมีอยู่จำนวน 7,016 สาขา ข้อมูลจำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์บนเว็บธนาคารแห่งประเทศไทย ณ
เดือน ตุลาคม 2560 พบว่า สาขาของธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดปรับลดลงอีกจากเดือน กันยายน
โดยมีสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 6,800 สาขา ปรับลดลง 216 สาขา
จากสิ้นปีก่อน โดยธนาคารที่ปิดสาขามากที่สุด คือ กรุงไทย 85 สาขา รองลงมาคือ
กสิกรไทย 82 สาขา และธนาคารธนชาต 64 สาขา
มองในด้านบวกถือว่าเป็นข่าวดีที่ธนาคารพาณิชย์ของไทยรีบตัดสินใจปิดสาขาไม่ปล่อยให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายสะสมให้กับธนาคาร
และหันไปปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ลงทุนเปิดธนาคารสาขาขนาดจิ๋วในทำเลที่เกิดผลประโยชน์มากกว่าแทน
คลื่นเงียบเหมือนทะเลสงบ
อดหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะมีสึนามิทางธุรกิจเข้าประเทศไทยในปีหน้าหรือไม่
ขอให้เฝ้าระวัง ถึงอย่างไรปีหน้าก็จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนคนไทยต้องปรับตัวอยู่แล้ว
สำหรับปีนี้ ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและอ่านเรื่องที่เขียน
หวังว่าท่านจะได้รับประโยชน์บ้างนะครับ หากมีข้อมูลใดที่คลาดเคลื่อนไปบ้าง ข้อเขียนที่ทำให้ท่านขุ่นเคืองอารมณ์ขอได้โปรดให้อภัยด้วยครับ
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดประทานพระพรแห่งความสงบสุขในจิตใจ
ความแข็งแรงของสุขภาพร่างกาย และความร่าเริงแจ่มใสยินดีแก่ทุกท่าน
สวัสดีปีใหม่
HAPPY NEW YEAR 2018 ครับ