วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560


บทส่งท้ายปี 2560


“The Lord takes pleasure in his people: he honors the humble with victory.”                 Psalm 149:4


ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ได้ผ่านเข้ามาอ่าน Blog ที่ผมเขียน และต้องขออภัยท่านผู้อ่านที่ติดตามเรื่องที่ผมเขียนที่ปีนี้ผมเขียนน้อยลงมาก เนื่องจากเป็นปีแห่งการสูญเสียพระมหากษัตริย์ที่ปวงชนชาวไทยเคารพรักและชื่นชมในพระบารมีของพระองค์ที่ทรงเสียสละอย่างมากตลอดเวลาที่พระองค์ทรงครองแผ่นดินอย่างเป็นธรรมเพื่อความสุขที่มากขึ้นของประชาชนชาวไทยและความเจริญที่มากขึ้นของประเทศไทย

เรื่องราวทั่วไปในสังคมของประเทศไทยที่พูดกันมากในปีนี้คือเรื่อง Thailand 4.0 แต่ความก้าวหน้าในเรื่องนี้มีให้เห็นเป็นรูปธรรมไม่มากนัก ยังคงเป็นแค่กระแสวาทะกรรมที่พูดกันอย่างผิวเผิน คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจในรายละเอียดด้านลึกของเรื่องการปรับตัวของประเทศไทยมากนัก คงกำลังรอให้มีระบบการเมืองปกติเข้ามาก่อนหรือเปล่าไม่ทราบ?

ส่วนเรื่องที่น่ากังวลสำหรับสังคมไทยในเวลานี้และต่อเนื่องไปในอนาคตอันใกล้คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีที่มีผลอย่างเฉียบพลันทำให้วิธีทำธุรกิจด้วยเทคโนโลยีเดิมไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ ที่เรียกว่า Disruptive Technology  ซึ่งเวลานี้เราได้เห็นผลเกิดขึ้นแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างค่อนข้างชัดเจน

เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Kodak ล้มเมื่อหลายปีก่อน ก็เป็นกระแสกรณีศึกษาทั้งผู้บริหารในองค์กรต่างๆและนักศึกษาสาขาการบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลก และสรุปกันว่าที่ Kodak ล้มเป็นเพราะผู้บริหารองค์กรไม่ยอมปรับตัวและเพราะคนในองค์กรยึดติดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอดีตขององค์กรมากจนเกินไปและไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องเทคโนโลยีใหม่เท่าที่ควร ทั้งที่เป็นโอกาสและภัยคุกคาม ทำให้ Kodak พลาดโอกาสในการป้องกันตัวและพลาดโอกาสในการปรับตัวเข้าไปใช้ประโยชน์ในเทคโนโลยีใหม่ ในขณะที่บริษัทคู่แข่งเช่น Fuji Film จากญี่ปุ่นแม้จะอยู่ห่างชั้นกว่าในตลาดสินค้าเดียวกัน แต่ Fuji Film รีบปรับตัวก่อนจึงสามารถปรับตัวได้ทันเวลา ทำให้ยังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงปัจจุบัน

แต่มาถึงปีนี้ปรากฏว่ามีบริษัทใหญ่ๆในสหรัฐอเมริกาปิดธุรกิจกันอีกมากมาย Business Insider รายงานว่าปี 2017 มีบริษัทที่ทำธุรกิจห้างสรรพสินค้าของสหรัฐอเมริกา ปิดกิจการไปแล้วมากกว่า 6,400 แห่ง
 
 

มาดูความเคลื่อนไหวในบ้านเราบ้าง น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ปิด สาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนของปีนี้ ธนาคารพาณิชย์ปิดสาขาไปแล้ว 175 สาขา หรือมีสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 6,841 สาขา จากสิ้นปีก่อนมีอยู่จำนวน 7,016 สาขา ข้อมูลจำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์บนเว็บธนาคารแห่งประเทศไทย ณ เดือน ตุลาคม 2560 พบว่า สาขาของธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดปรับลดลงอีกจากเดือน กันยายน โดยมีสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 6,800 สาขา ปรับลดลง 216 สาขา จากสิ้นปีก่อน โดยธนาคารที่ปิดสาขามากที่สุด คือ กรุงไทย 85 สาขา รองลงมาคือ กสิกรไทย 82 สาขา และธนาคารธนชาต 64 สาขา

มองในด้านบวกถือว่าเป็นข่าวดีที่ธนาคารพาณิชย์ของไทยรีบตัดสินใจปิดสาขาไม่ปล่อยให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายสะสมให้กับธนาคาร และหันไปปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ลงทุนเปิดธนาคารสาขาขนาดจิ๋วในทำเลที่เกิดผลประโยชน์มากกว่าแทน

คลื่นเงียบเหมือนทะเลสงบ อดหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะมีสึนามิทางธุรกิจเข้าประเทศไทยในปีหน้าหรือไม่ ขอให้เฝ้าระวัง ถึงอย่างไรปีหน้าก็จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนคนไทยต้องปรับตัวอยู่แล้ว

สำหรับปีนี้ ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและอ่านเรื่องที่เขียน หวังว่าท่านจะได้รับประโยชน์บ้างนะครับ หากมีข้อมูลใดที่คลาดเคลื่อนไปบ้าง ข้อเขียนที่ทำให้ท่านขุ่นเคืองอารมณ์ขอได้โปรดให้อภัยด้วยครับ

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดประทานพระพรแห่งความสงบสุขในจิตใจ ความแข็งแรงของสุขภาพร่างกาย และความร่าเริงแจ่มใสยินดีแก่ทุกท่าน

สวัสดีปีใหม่ HAPPY NEW YEAR 2018 ครับ